โดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำความมั่นใจ สามารถแก้ไขปัญหาและบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนได้ ในการประชุมเจรจากับ สี จิ้นผิง ซึ่งปักกิ่งเพิ่งออกมายืนยันว่า ผู้นำทั้งสองจะพบปะกันที่เมืองปูซาน ของเกาหลีใต้ ในวันพฤหัสฯ (30 ต.ค.) และแดนมังกรยินดีร่วมมือกับอเมริกาเพื่อให้แน่ใจว่า ซัมมิตครั้งนี้จะมีผลลัพธ์ที่ดี อีกทั้งสนับสนุนการพัฒนาความสัมพันธ์อันมั่นคงระหว่างสองประเทศ
ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันพุธ (29) ทรัมป์ กับประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ของโสมขาว ยังสามารถเห็นพ้องกันไปได้มากแล้ว เกี่ยวกับรายละเอียดขั้นสุดท้ายของข้อตกลงการค้าซึ่งประเทศทั้งสองยังต่อรองกันไม่ลงตัวเสียที ทั้งนี้หลังจากผู้นำเกาหลีใต้ต้อนรับทรัมป์ที่มาเยือนอย่างให้เกียรติแบบจัดเต็ม โดยทั้งมอบมงกุฎทองคำจำลองและเครื่องอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุด
ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวในวันพุธ (29) ขณะอยู่บนเครื่องบินประจำตำแหน่ง แอร์ฟอร์ซ วัน เดินทางจากญี่ปุ่นสู่เกาหลีใต้ว่า ตนและประธานาธิบดีสี จะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ และบรรลุข้อตกลงที่ดีระหว่างพบกันในวันพฤหัสฯ (30) ซึ่งจะเป็นการพบแบบเจอะเจอกันจริงๆ ครั้งแรกนับจากที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งสมัยที่สอง
ทั้งนี้ ฝ่ายสหรัฐฯได้ออกข่าวฝ่ายเดียวมาเป็นสัปดาห์แล้ว เรื่องทรัมป์กับสีจะพบปะเจรจากันข้างเคียงการประชุมซัมมิตของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ซึ่งจัดขึ้นที่เกาหลีใต้ช่วงสิ้นเดือนนี้ และความคาดหวังที่ว่าการเจรจานี้อาจปลดชนวนสงครามการค้าและภาษีศุลกากรระหว่างประเทศยักษ์ใหญ่ทั้งสอง ก็ได้ช่วยฟื้นเสถียรภาพในตลาดการเงินทั่วโลก อย่างไรก็ดี สถานการณ์กลับมาตึงเครียดอีกครั้งหลังจากปักกิ่งซึ่งอ้างว่าเพื่อตอบโต้สหรัฐฯที่เพิ่มมาตรการกีดกันบริษัทจีน ได้ออกมาตรการยกระดับควบคุมการส่งออกแรร์เอิร์ธ แล้วจากนั้นทรัมป์ก็ขู่ขึ้นภาษีศุลกากรเอากับสินค้าจีนเพิ่มขึ้น 100% จนทำให้เกิดความกังวลกันว่า ซัมมิตระหว่างทรัมป์กับสีนี้อาจจะถูกยกเลิก
ในการพูดกับพวกผู้สื่อข่าวบนแอร์ฟอร์ซวันคราวนี้ ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า อาจลดภาษีอัตรา 20% ที่เรียกเก็บจากสินค้าจีน ในส่วนที่เกี่ยวกับสารเพสติดเฟนทานิล หากปักกิ่งตกลงจำกัดการส่งออกสารตั้งต้นสำหรับผลิตเฟนทานิล ซึ่งได้คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปนับหมื่นคน
จากการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ประเด็นสำคัญๆ ในการเจรจาซัมมิตทรัมป์-สี ยังจะครอบคลุมถึงการที่จีนจะเพิ่มการนำเข้าถั่วเหลืองอเมริกัน, มาตรการของสองประเทศในการควบคุมการส่งออกแรร์เอิร์ธ และเซมิคอนดักเตอร์สำหรับปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ตลอดจนอนาคตที่ชัดเจนของติ๊กต็อก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวทางการค้าว่า คอฟโค บริษัทอาหารรายใหญ่ของรัฐบาลจีน ได้สั่งซื้อถั่วเหลืองจากอเมริกา 3 ลำเรือ ซึ่งถือเป็นการสั่งซื้อครั้งแรกนับจากฤดูเก็บเกี่ยวของอเมริกาในปีนี้ และนักวิเคราะห์มองว่า อาจเป็นการแสดงไมตรีจิตก่อนการประชุมสุดยอดในวันพฤหัสฯ
ในส่วนของจีนเองนั้น กัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในการแถลงข่าวตามปกติเมื่อวันพุธ (29) ว่า การประชุมสุดยอดระหว่างสีและทรัมป์จะจัดขึ้นที่เมืองปูซานของเกาหลีใต้ และจีนยินดีร่วมมือกับอเมริกาเพื่อให้แน่ใจว่า การประชุมจะมีผลลัพธ์ที่ดี นำเสนอแนวทางและแรงกระตุ้นใหม่ๆ สำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันที่มั่นคง
โฆษกผู้นี้บอกว่า สีกับทรัมป์จะมีการหารือกันในเชิงลึกว่าด้วยประเด็นปัญหาต่างๆ ในทางยุทธศาสตร์และในระยะยาว ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของสองประเทศ ตลอดจนถึงประเด็นสำคัญๆ ซึ่งเป็นที่สนใจร่วมกัน
ทั้งนี้ สีมีกำหนดเข้าร่วมประชุมสุดยอดเอเปก ซึ่งจัดขึ้น ที่เมืองคยองจู ระหว่างวันพฤหัสฯ ถึงวันเสาร์ (30 ต.ค.-1 พ.ย.) คยองจู กับ ปูซาน นั้นไม่ได้อยู่ไกลกัน และสามารถเดินทางติดต่อกันโดยเครื่องบิน
ในส่วนทรัมป์นั้น มีรายงานว่าเขาจะไม่เข้าร่วมการประชุมหลักของเอเปก แต่ในวันพุธ เขาได้ไปปราศรัยในที่ประชุมเอเปก ซีอีโอ โดยแสดงความมั่นใจว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าขั้นสุดท้ายกับเกาหลีใต้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น ทรัมป์ได้พบกับประธานาธิบดีอี ของเกาหลีใต้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติในเมืองคยองจู โดยที่ผู้นำโสมขาวได้ทำพิธีมอบมงกุฎทองคำจำลองและเครื่องอิสริยาภรณ์สูงสุด มูกุงฮวา ให้แก่ประมุขทำเนียบขาว ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มต้นการหารือ ซึ่งอีเผยว่า เกาหลีใต้จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม และขอให้อเมริกาอนุญาตในการสกัดเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ซ้ำเพื่อนำไปใช้ขับเคลื่อนเรือดำน้ำ
ทางด้านทรัมป์รับปากว่า จะช่วยแก้ไขปัญหาระหว่างเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือ ซึ่งในทางเทคนิคนั้นยังเป็นคู่สงครามกัน เนื่องจากสงครามเกาหลีในช่วงระหว่างปี 1950-1953 สิ้นสุดลงภายใต้ข้อตกลงสงบศึก โดยยังไม่ได้มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพ
ทรัมป์สำทับว่า จังหวะเวลาไม่เอื้ออำนวยในการนัดพบกับคิม จองอึน แต่ยังคาดว่า จะได้พบกันในอนาคตอันใกล้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาเปรยหลายครั้งว่า อยากพบผู้นำโสมแดงระหว่างการเดินทางทริปนี้ของเขา
ด้านเกาหลีเหนือนั้น นอกจากไม่ตอบรับคำเชิญชวนของทรัมป์แล้ว ยังออกมาอวดก่อนที่ประมุขทำเนียบขาวจะเดินทางถึงเกาหลีใต้ไม่นานว่า ประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธร่อนจากทะเลสู่พื้นผิว เพื่อแสดงแสนยานุภาพให้เป็นที่ประจักษ์ต่อ “เหล่าศัตรู”
‘ผ่าทางตัน’เจรจารายละเอียดข้อตกลงการค้าUS-โสมขาว
เกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างอเมริกากับเกาหลีใต้นั้น ทั้งสองฝ่ายประกาศว่าสามารถตกลงกันได้ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยที่สหรัฐฯตกลงลดอัตราภาษีศุลกากรที่จะจัดเก็บจากสินค้าโสมขาวลงมาอยู่ที่ 15% แลกเปลี่ยนกับการที่เกาหลีใต้ให้สัญญาจะมาลงทุนในสหรัฐฯเป็นมูลค่ารวม 350,000 ล้านดอลลาร์ ทว่าการเจรจาหลังจากนั้นของทั้งสองฝ่ายในรายละเอียดของการลงทุนดังกล่าวนี้ ปรากฏว่ามีเรื่องที่ไม่เห็นพ้องกันหลายประการ
อย่างไรก็ดี ระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำในวันพุธ ซึ่งทั้ง ลี, ทรัมป์, และพวกผู้นำในภูมิภาคคนอื่นๆ เข้าร่วมด้วย ผู้นำสหรัฐฯได้กล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวว่า ทำข้อตกลงในขั้นสุดท้ายกับเกาหลีใต้ได้เป็นจำนวนมากแล้ว ทว่าไม่ได้ให้รายละเอียด
ในเวลาต่อมา คิม ยองบอม ที่ปรึกษาระดับท็อปของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้ยืนยันว่าสามารถทำความตกลงกันในรายละเอียดของการเจรจาเรื่องภาษีศุลกากรได้แล้ว โดยสหรัฐฯยืนยันคงภาษีศุลกากรตอบโต้จากโสมขาวในอัตรา 15% แล้วยังเห็นชอบให้ลดภาษีเก็บจากรถยนต์และอะไหล่ชิ้นส่วนรถยนต์ของเกาหลีใต้ลงจาก 25% เหลือ 15%
สำหรับแพกเกจการลงทุนทางการเงินของเกาหลีใต้ในสหรัฐฯนั้น เขาบอกว่ามูลค่ารวมอยู่ที่ 350,000 ล้านดอลลาร์ โดยประกอบด้วยการลงทุนเงินสด 200,000 ล้านดอลลาร์ และการลงทุนในเรื่องความร่วมมือเกี่ยวกับอุตสาหกรรมต่อเรือในสหรัฐฯ 150,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้การลงทุนเงินสดนั้นโสมขาวจะจ่ายเป็นงวดๆ ปีละไม่เกิน 20,000 ล้านดอลลาร์
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)


