อัยการกรุงปารีสเผยในวันอาทิตย์ (26 ต.ค.) ว่า ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยในคดีปล้นชุดเครื่องประดับล้ำค่าที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ได้แล้ว ขณะที่หนึ่งในผู้ต้องสงสัยกำลังจะขึ้นเครื่องบินหนีออกจากฝรั่งเศส
ชาย 2 คนซึ่งอายุ 30 ปีเศษ และอาศัยอยู่ในย่าน แซน-แซ็ง-เดอนีส์ ของกรุงปารีส ถูกควบคุมตัวเมื่อเย็นวันเสาร์ (25) ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ เลอ ปารีเซียง ซึ่งเป็นสื่อฉบับแรกที่เปิดเผยเรื่องนี้
รายงานระบุด้วยว่า ผู้ต้องสงสัยทั้งสองรายเป็นที่รู้จักของตำรวจฝรั่งเศส และหนึ่งในนั้นกำลังจะบินจากสนามบินชาร์ลส์เดอโกลไปยังแอลจีเรีย
ทั้งนี้ ยังไม่มีคำยืนยันในวันอาทิตย์ (26) ว่าพบเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของฝรั่งเศสที่ถูกขโมยไปหรือไม่
ลอเร เบคคัว อัยการกรุงปารีส ไม่ได้ระบุจำนวนผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับหรือให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับพวกเขา เธอยังแสดงความไม่สบายใจที่ข้อมูลการจับกุมรั่วไหลออกไป
“การเปิดเผยครั้งนี้เป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ราว 100 นายที่ระดมกำลังทั้งในการค้นหาเครื่องประดับที่ถูกขโมยและตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมด มันยังเร็วเกินไปที่จะให้รายละเอียดที่ชัดเจน” เบคคัว กล่าว
โลรองต์ นูเนซ รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศส ซึ่งถูกกดดันจากสาธารณชนให้เปิดเผยผลการสอบสวนภายใน 1 สัปดาห์หลังเกิดเหตุปล้น ได้แสดงความยินดีกับเจ้าหน้าที่สืบสวนผ่านทวิตเตอร์ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 19 ต.ค. แก๊งโจรสวมหมวกปิดบังใบหน้า 4 คนได้ขโมยสมบัติล้ำค่า 8 ชิ้น รวมมูลค่าประมาณ 102 ล้านดอลลาร์ ไปจากคอลเล็กชันของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ซึ่งเผยให้เห็นช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก
คนเหล่านี้บุกเข้าไปโดยใช้เครนทุบหน้าต่างชั้นบนในช่วงเวลาที่พิพิธภัณฑ์เปิดทำการ และหลบหนีไปโดยรถจักรยานยนต์
การปล้นครั้งนี้กลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลก และกระตุ้นให้ฝรั่งเศสต้องตั้งคำถามถึงสิ่งที่บางคนมองว่าเป็นความอัปยศของชาติ
สมบัติที่ถูกขโมยไปประกอบด้วยมงกุฎและต่างหูจากเครื่องเพชรของพระราชินี มารี-อเมลี และพระราชินีฮอร์เทนส์จากช่วงต้นศตวรรษที่ 19
มงกุฎของจักรพรรดินีเออเฌนี พระมเหสีของนโปเลียนที่ 3 ถูกพบชำรุดเสียหายอยู่ด้านนอกพิพิธภัณฑ์ โดยดูเหมือนว่าพวกโจรจะทำเครื่องประดับชิ้นนี้หล่นลงมาขณะที่พยายามหลบหนี
พระราชวังลูฟวร์นั้นสร้างขึ้นเมื่อช่วงปลายศตวรรษที่ 12 เคยเป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของกษัตริย์ฝรั่งเศส จนกระทั่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงละทิ้งพระราชวังแห่งนี้ไปยังพระราชวังแวร์ซายส์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1793 หรือ 4 ปีหลังเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส พระราชวังแห่งนี้จึงถูกเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับสะสมงานศิลปะของราชวงศ์
คอลเลกชันผลงานชิ้นเอกจำนวนมหาศาล ซึ่งรวมถึงภาพวาดโมนาลิซา และรูปปั้น วีนัส เดอ มิโล สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากถึง 8.7 ล้านคนในปีที่แล้ว
ที่มา: รอยเตอร์


