ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี คาดหมายว่ายูเครนจะสามารถสู้รบกับรัสเซียต่อไปได้อีกสูงสุด 3 ปี จากการเปิดเผยของ โดนัลด์ ทัสก์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับซันเดย์ไทม์ส รายงานข่าวเกี่ยวกับคำพูดของผู้นำยูเครน มีขึ้นในขณะที่อียูกำลังหาหนทางใหม่ๆในการหาเงินสนับสนุนป้อนแก่เคียฟ โดยเล็งเป้าใช้ทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซียที่อายัดไว้เป็นทางเลือกหนึ่ง
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อังกฤษเมื่อวันเสาร์(25ต.ค.) ทัสก์ อ้างคำพูดของ เซเลนสกี ระบุว่า "เขาหวังว่าสงครามจะไม่ลากยาวถึง 10 ปี แต่ยูเครนพร้อมสำหรับการสู้รบต่ออีก 2 ถึง 3 ปี" และถ้าความขัดแย้งกับรัสเซียลากยาวไปนานกว่านั้น "เซเลนสกีวิตกว่าความสูญเสียจากสงครามจะมีผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจ" นายกรัฐมนตรีโปแลนด์กล่าว
เมื่อวันอังคาร(21ต.ค.) หนังสือพิมพ์เอล ปาอิส ของสเปน รายงานอ้างแหล่งข่าวอียู ที่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม ระบุว่า "ยูเครนมีปัญหาทางการเงินร้ายแรง" โดยเคียฟมีเงินเพียงพอที่จะประคับประคองต่อไปได้จนถึงสิ้นไตรมาสแรกของปี 2026 เท่านั้น
ในวันพุธ(22ต.ค.) รัฐสภายูเครนผ่านร่างกฎหมายงบประมาณสำหรับปี 2026 ซึ่งทำให้ตัวเลขขาดดุลงบประมาณสูงกว่า 58%
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกผู้นำอียูพูดคุยกันเข้มข้นขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า "เงินกู้ชดเชย(Reparations Loan)" สูงสุด 140,000 ล้านยูโร ที่จะมอบแก่ยูเครน โดยมีทรัพย์สินรัสเซียที่อายัดไว้เป็นหลักประกัน ทั้งนี้เคียฟถูกกำหนดให้ชำระคืนเงินกู้ยืมดังกล่าวก็ต่อเมื่อรัสเซียจ่ายเงินชดเชยแก่พวกเขา สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างสงคราม
ที่ผ่านมา อียูนำผลกำไรที่เกิดขึ้นจากทรัพย์สินของรัสเซียที่อายัดไว้ไปใช้ประโยชน์ต่างๆนานา อย่างไรก็ตามมอสโกให้คำจำกัดความการกระทำดังกล่าวว่าเป็น "การขโมย" และประกาศจะแก้แค้น
หลังจากสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครนลุกลามในเดือนกัมภาพันธ์ 2022 ทางสหรัฐฯและอียู ได้อายัดทรัพย์สินของรัสเซียมูลค่าราว 300,000 ล้านดลอลาร์ ในนั้นรวมถึงราว 200,000 ล้านดอลลาร์ ที่อยู่ในยูโรเคลียร์ ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์กลางระหว่างประเทศชั้นนำของโลก
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)


