How China Took Over the World’s Rare-Earths Industry
by Jon Emont , The Wall Street Journal
20/10/2025
ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา แดนมังกรได้ใช้กลยุทธ์เชิงรุกประการต่างๆ ในการสั่งสมและรักษาอำนาจที่มีเหนือแร่ธาตุแรร์เอิร์ธ ซึ่งทรงความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการทำแม่เหล็กที่ปัจจุบันกลายเป็นวัสดุที่ขาดไม่ได้ ทั้งในรถยนต์, เครื่องกังหันลม, เครื่องบินขับไล่ไอพ่น, ตลอดจนผลิตภัณฑ์อื่นๆ
เมื่อจีนเพิ่มความเข้มงวดในการจำกัดการส่งออกแรร์เอิร์ธช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางทำเนียบขาวแสดงท่าทางตื่นตะลึงเอามากๆ นั้น แท้ที่จริงแล้ว มันคือสิ่งเตือนใจอย่างล่าสุดที่ทำให้ตระหนักกันชัดๆ ว่า เวลานี้ปักกิ่งกำลังเข้าควบคุมมีอำนาจเหนืออุตสาหกรรมซึ่งมีความสำคัญระดับเป็นตายต่อเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน
ฐานะครอบงำของจีนเช่นนี้ ใช้เวลาหลายทศวรรษทีเดียวในการสถาปนาขึ้น
ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา แดนมังกรได้ใช้กลยุทธ์เชิงรุกประการต่างๆ ในการสั่งสมและรักษาอำนาจที่มีเหนือแร่ธาตุแรร์เอิร์ธ ซึ่งทรงความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการทำแม่เหล็กที่ปัจจุบันกลายเป็นวัสดุที่ขาดไม่ได้ ทั้งในรถยนต์, เครื่องกังหันลม, เครื่องบินขับไล่ไอพ่น, ตลอดจนผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ปักกิ่งได้ให้ความสนับสนุนทางการเงินแก่พวกบริษัทชั้นนำของประเทศ กระตุ้นส่งเสริมให้บริษัทเหล่านี้ออกไปครอบครองทรัพย์สินด้านแรร์เอิร์ธที่อยู่ในต่างแดน และออกกฎหมายต่างๆ ซึ่งห้ามพวกบริษัทต่างชาติมาซื้อเหมืองแรร์เอิร์ธในจีน ในที่สุดแล้วแดนมังกรก็ได้รวมศูนย์อุตสาหกรรมภายในประเทศของตนจากสภาพที่เป็นธุรกิจแยกต่างหากจากกันจำนวนหลายร้อยแห่ง ให้กลายเป็นเพลเยอร์รายยักษ์จำนวนไม่กี่ราย ทำให้จีนยิ่งเพิ่มความได้เปรียบในเรื่องการกำหนดราคา
เมื่อตอนที่สหรัฐฯพยายามวางแผนผลักดันให้อุตสาหกรรมแรร์เอิร์ธภายในประเทศของตนกลับฟื้นชีพขึ้นมาใหม่ในช่วงไม่กี่ปีหลังๆ มานี้ จีนก็ได้ปล่อยซัปพลายออกมาท่วมท้นตลาด ทำให้พวกผู้ผลิตชาวตะวันตกพากันย่ำแย่ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากราคามูลค่าของบริษัทแรร์เอิร์ธทางตะวันตกต้องตกต่ำพังครืนลงจากราคาแร่ที่ทรุดฮวบเพราะการผลิตซึ่งพุ่งพรวดขึ้นของแดนมังกร พวกเขาจึงถูกบังคับให้ต้องชะลอการขยายกิจการ และในบางกรณีกระทั่งต้องขายเหมืองแร่ของพวกเขาให้แก่ผู้ซื้อชาวจีนด้วยซ้ำไป
แบบแผนวิธีการที่กระทำอย่างเป็นระบบของปักกิ่ง ในการเข้าครอบงำเหนืออุตสาหกรรมนี้ –จนกระทั่งเวลานี้จีนกลายเป็นผู้ผลิตซัปพลายแรร์เอิร์ธที่ผ่านกระบวนการเพิ่มความบริสุทธิแล้ว ถึงราวๆ 90% ของผลิตผลิตทั่วโลก— เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นความสามารถของจีนในการใช้อำนาจควบคุมของรัฐที่มีเหนือระบบเศรษฐกิจ มาบรรลุเป้าหมายต่างๆ ซึ่งบ่อยครั้งสหรัฐฯที่การวางนโยบายอยู่ในสภาพเอาแน่เอานอนไม่ได้มากกว่า ไม่สามารถทำได้สำเร็จ
มันยังบ่งชี้ให้เห็นว่าความพยายามครั้งใหม่ๆ ของสหรัฐฯที่จะฟื้นคืนชีพอุตสาหกรรมแรร์เอิร์ธภายในประเทศของตน น่าจะเป็นงานอันยากลำบากแก่การประคับประคองให้ยืนยาวต่อเนื่อง ทั้งนี้ วอชิงตันเพิ่งให้คำมั่นสัญญาที่จะทุ่มเทงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อลงทุนในบริษัทผู้ผลิตสหรัฐฯรายสำคัญรายหนึ่ง รวมทั้งยังจะรับซื้อผลิตผลของบริษัทอีกด้วย นอกเหนือจากมาตรการอื่นๆ แล้ว ทว่าจีนก็น่าที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้สูญเสียฐานะความได้เปรียบในเรื่องแรร์เอิร์ธของตนไป
ช่วงก่อนหน้านี้ของเดือนนี้เอง จีนแถลงว่าจะกำหนดให้บริษัทต่างๆ ซึ่งผลิตแม่เหล็กในต่างประเทศที่ใช้วัสดุแรร์เอิร์ธตลอดจนเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องของจีน ต้องขออนุญาตจากปักกิ่งก่อนที่จะส่งออกได้ ทางด้านประธานาธิบดีทรัมป์ได้ตอบโต้ด้วยการข่มขู่จัดเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงขึ้นอีก 100% เอากับสินค้าเข้าของจีน ถึงแม้เขาจะกล่าวในเวลาต่อมาว่า มันจะไม่สามารถมีความยั่งยืนอะไร
การเผชิญหน้ากันคราวนี้ เป็นการสะท้อนการประจันหน้ากันก่อนหน้านี้ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ตอนที่ปักกิ่งตัดลดซัปพลายแรร์เอิร์ธที่ส่งให้แก่พวกบริษัทอเมริกัน จนบังคับให้โรงงานรถยนต์สหรัฐฯหลายแห่งต้องปิดทำการลงชั่วคราว ปักกิ่งได้ค่อยๆ ผ่อนปรนให้มีการส่งออกแม่เหล็กมากขึ้นในเวลาต่อมา หลังจากสามารถทำข้อตกลงหลายอย่างกับวอชิงตัน กระนั้นก็ยังคงควบคุมซัปพลายแรร์เอิร์ธอย่างกวดขันต่อไป
พวกเจ้าหน้าที่จีนอ้างเหตุผลเพื่อหนุนหลังให้แก่มาตรการจำกัดกีดกันแรร์เอิร์ธของพวกตนว่า มันเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกต้องชอบธรรมซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้แร่ธาตุชนิดนี้ถูกนำไปใช้ในทางมิชอบ (นั่นคือถูกนำไปใช้ทางการทหาร หรือในกิจการที่อาจเป็นประโยชน์แก่ทั้งทางการทหารและทางพลเรือน -ผู้แปล) พวกเขายังกล่าวหาว่าสหรัฐฯเองก็กำลังใช้พวกกลยุทธ์เชิงรุกอันก้าวร้าวของตนเองในการทำให้เศรษฐกิจของจีนตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ เหอ หย่งเฉียน (He Yongqian) โฆษกหญิงของกระทรวงพาณิชย์จีน ได้ยกตัวอย่างการที่สหรัฐฯใช้มาตรการควบคุมจำกัดการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์มายังจีน (ซึ่งครอบคลุมถึงเซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตในต่างประเทศ ทว่ามีการใช้เครื่องจักรอุปกรณ์การผลิตที่มีชิ้นส่วนสำคัญทำในสหรัฐฯ หรือเทคโนโลยีในการผลิตของสหรัฐฯ -ผู้แปล)
แผนยุทธศาสตร์ระยะยาว
ในอดีตที่ผ่านมา จวบจนกระทั่งถึงปี 1991 สหรัฐฯเคยมีฐานะเป็นซัปพลายเออร์ของแร่แรร์เอิร์ธชั้นนำรายหนึ่งของโลก ทั้งนี้ต้องขอบคุณเหมืองแห่งใหญ่ในมลรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีชื่อเรียกว่า เมาน์เทนแพสส์ (Mountain Pass) ทว่าจีนก็มีสินแร่แรร์เอิร์ธอย่างอุดมสมบูรณ์ และยุทธศาสตร์ระยะยาวของพวกเขาก็กำลังปรากฏให้เห็นกันได้อย่างชัดเจนแล้วในเวลานี้
“ตะวันออกลางมีน้ำมัน จีนมีแรร์เอิร์ธ” นี่เป็นคำกล่าวซึ่งมีชื่อเสียงมากของ เติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำสูงสุดของจีนที่ล่วงลับไปแล้ว ที่ได้รับการอ้างอิงไว้จากสื่อมวลชนภาครัฐของแดนมังกร
มิตเชลล์ เพรสนิค (Mitchell Presnick) ชาวอเมริกันผู้ซึ่งในตอนนั้นเป็นเทรดเดอร์แร่ยูเรเนียม เล่าทบทวนความหลังว่า ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เขาได้รับข้อเสนอจากบริษัทเทรดดิ้งคอมพานีใหญ่ที่มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งของจีน ให้มาร่วมมือกันลงทุนในเรื่องแรร์เอิร์ธของจีน เขากล่าวว่าเขาได้รับการบอกเล่าในเวลานั้นว่า การดำเนินการต่างๆ ในเรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่ต้องฝ่าฟันความลำบากอย่างยากเย็นยิ่ง
ในปี 1991 จีนได้ออกกฎหมายฉบับหนึ่งซึ่งระบุถึงแรร์เอิร์ธว่า “มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์” และมีเนื้อหาจำกัดกีดกั้นพวกบริษัทเหมืองแร่ต่างประเทศ ไม่ให้ร่วมงานกับบรรดาบริษัทท้องถิ่นในเรื่องการทำเหมืองขุดค้นสินแร่จีนบางอย่างบางประเภท รัฐบาลแดนมังกรกระทั่งปกป้องกีดขวางไม่ให้ชาวต่างประเทศเดินทางไปเยือนเหมืองเหล่านี้หากไม่ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษด้วยซ้ำ ขณะเดียวกันก็ใช้มาตรการคืนภาษีการส่งออก เป็นเครื่องกระตุ้นส่งเสริมพวกบริษัทภายในประเทศให้ขยายการผลิตกันมากขึ้นอีก
ระหว่างการร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำหลายๆ ครั้งกับพวกผู้ร่วมงานของเขาที่ มินเมทัสส์ (Minmetals) รัฐวิสาหกิจของจีนที่เป็นยักษ์ใหญ่ด้านการทำเหมืองและด้านเทรดดิ้ง เพรสนิคบอกว่าเขาได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับแหล่งสำรองแร่แรร์เอิร์ธชนิดหนักของจีนที่มีความน่าประทับใจมาก รวมทั้งความวาดหวังที่มันจะเติบโตขยายตัวจนกลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ “พวกเขาทราบดีว่าแรร์เอิร์ธนั้นมีความสำคัญยิ่งกว่าที่พวกเราดูเหมือนกำลังเสแสร้งเล่นละครกัน” เป็นคำบอกเล่าของเพรสนิค ซึ่งในเวลาต่อมาได้เปิดกิจการโรงแรมแบรนด์ ซูเปอร์ 8 (Super 8) ขึ้นในจีน “จริงๆ แล้วพวกเขาดูเหมือนให้ความสำคญมากๆ กับเรื่องนี้”
ไม่เพียงแค่การทำเหมืองเท่านั้น จีนยังตระหนักเป็นอันดีว่าตนเองจำเป็นต้องขยับเลื่อนชั้นขึ้นไปอีกในห่วงโซ่มูลค่าของแรร์เอิร์ธ ถ้าหากต้องการที่จะบังคับบัญชาอุตสาหกรรมนี้ให้สำเร็จ แทนที่จะแค่พอใจกับกิจการทำเหมือง ปักกิ่งจำเป็นต้องมีความสามารถในการแปรรูปสินแร่ และในการเปลี่ยนให้มันกลายเป็นแม่เหล็กประเภทต่างๆ – อันเป็นความชำนาญที่สามารถหาได้แต่ในต่างประเทศ
ซื้อหาทรัพย์สินสหรัฐฯ
ในปี 1995 พวกบริษัทที่เกี่ยวข้องกับรัฐจีน ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯในการเข้าซื้อธุรกิจวัสดุแรร์เอิร์ธและแม่เหล็กแรร์เอิร์ธแห่งหนึ่งที่เริ่มต้นขึ้นมาโดย เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) กิจการแห่งนั้นมีชื่อว่า แมกเนเควนช์ (Magnequench) ระยะเวลาหลายๆ ปีถัดจากนั้น ปรากฎว่าทางเจ้าของกิจการได้ปิดโรงงานแรร์เอิร์ธทั้งหมดของตนที่มีอยู่ในสหรัฐฯ และขนเครื่องจักรอุปกรณ์ทั้งหลายไปยังจีน พวกวิศวกรระดับท็อปชาวอเมริกันได้รับข้อเสนอเรื่องโอกาสที่จะเดินทางไปจีนและจัดตั้งโรงงานใหม่ๆ ขึ้นที่นั่น
“มีเพื่อนร่วมงานบางคนที่จนแล้วจนรอดก็คัดค้านไม่เอาด้วยกับเรื่องนี้ โดยบอกว่าพวกเขาจะไม่มีวันช่วยเหลือจีนให้เรียนรู้เทคโนโลยีของเรา” เป็นคำกล่าวของผู้เชี่ยวชาญด้านแม่เหล็กรายหนึ่ง ซึ่งลงท้ายแล้วก็ตกลงเดินทางไปยังจีน
“เมื่อตอนที่ผมไปถึง ผมไม่เชื่อว่าสิ่งที่ผมกำลังมองเห็นอยู่ โรงงานใหม่ๆ จำนวนหนึ่งกำลังถูกสร้างขึ้นมา และอัตราความเร็วที่โรงงานเหล่านี้กำลังถูกก่อสร้าง ช่างเป็นเรื่องที่ชวนเซอร์ไพรซ์และน่าประทับใจอย่างยิ่ง” เขากล่าว
มิตเชลล์ สเปนเซอร์ (Mitchell Spencer) อดีตวิศวกรคนหนึ่งของแมกเนเควนช์ บอกว่า เขาตกลงที่จะตั้งโรงงานแห่งหนึ่งขึ้นมาในเมืองเทียนจิน (Tianjin) เมืองใหญ่ทางภาคเหนือของแดนมังกร โดยมีความตั้งใจให้เป็นโรงงานพี่น้องกับโรงงานในบ้านเกิดของเขาในมลรัฐอินดิแอนา เขารู้สึกสับสนข้องใจเมื่อได้รับโทรศัพท์บอกให้เขาเพิ่มขนาดกำลังการผลิตของโรงงานเทียนจินขึ้นอีกเท่าตัว
ไม่นานหลังจากเดินทางกลับบ้าน เขาก็ได้เรียนรู้ว่าโรงงานที่อินดีแอนากำลังถูกปิดลง
ถึงช่วงกลางทศวรรษ 2000 อุตสาหกรรมแรร์เอิร์ธของสหรัฐฯก็เรียกได้ว่าถูกกวาดล้างออกไปหมด เมาน์เทนแพสส์ เหมืองแร่แรร์เอิร์ธแห่งสำคัญของอเมริกา ได้ถูกปิดตัวลง เช่นเดียวกับพวกอาคารสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายของอเมริกันที่ดำเนินการแปรรูปแรร์เอิร์ธและในการเปลี่ยนให้มันกลายเป็นแม่เหล็ก เรียกได้ว่าทุกแห่งถูกปิดหมด
จีนกลายเป็นผู้ผลิตแรร์เอิร์ธถึงราวๆ 97% ของโลก ทำให้แดนมังกรอยู่ในฐานะที่เป็นผู้ผูกขาดแร่ธาตุสำคัญยิ่งนี้ในทั่วโลกอย่างแท้จริง
โครงการนกฟีนิกซ์
เริ่มตั้งแต่ราวๆ ปี 2005 รัฐบาลจีนได้ขันสกรูให้แน่นขึ้นอีก ด้วยการจัดเก็บภาษีส่งออกจากแรร์เอิร์ธซึ่งทำให้พวกผู้ผลิตแม่เหล็กชาวตะวันตกต้องมีต้นทุนด้านวัตถุดิบแพงขึ้นมากในการทำผลิตภัณฑ์ของพวกเขา จากการที่ในทางเป็นจริงนั้นไม่มีเหมืองแรร์เอิร์ธเหลืออยู่อีกแล้วนอกประเทศจีน พวกผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ และบริษัทอื่นๆ ซึ่งต้องพึ่งพาอาศัยแรร์เอิร์ธอย่างมากมายมหาศาล จึงพากันโยกย้ายโรงงานต่างๆ จากโลกตะวันตกมายังจีนเสียเลย เพื่อให้สามารถเข้าถึงวัตถุดิบในราคาที่ถูกกว่า
การผลิตแรร์เอิร์ธในโลกตะวันตกอยู่ในสภาพที่จำกัดมาก จนกระทั่ง โมลีคอร์ป (Molycorp) ซึ่งเป็นบริษัทอเมริกัน พยายามที่จะฟื้นคืนชีวิตเหมืองเมาน์เทนแพสส์ และทำแม่เหล็กของตนเองขึ้นมา บริษัทเรียกแผนการของตนนี้ว่า “โครงการนกฟีนิกซ์” (Project Phoenix) (เปรียบประดุจนกฟีนิกซ์ในตำนานที่หลังจากตายก็จะกลับฟื้นชีพขึ้นมาใหม่) ทว่ามันกลับถูกชะตากรรมลิขิตเอาไว้เสียแล้วว่าจะต้องล้มเหลว
ในปี 2012 คณะบริหารประธานาธิบดีบารัค โอบามา พร้อมด้วยสหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ได้เปิดการฟ้องร้องจีนต่อองค์การการค้าโลก (World Trade Organization หรือ WTO) กล่าวหาแดนมังกรว่าใช้มาตรการกำหนดโควตาการส่งออกอย่างไม่ถูกต้องเหมาะสมเพื่อจำกัดซัปพลายแรร์เอิร์ธในต่างประเทศ จีนโต้แย้งว่ามาตรการจำกัดของตนมีเจตนารมณ์เพื่อรักษาให้การทำเหมืองอยู่ในระดับที่มีความยั่งยืนและพิทักษ์สิ่งแวดล้อม
ในปี 2014 WTO ตัดสินให้จีนเป็นฝ่ายแพ้ โดยมีข้อสรุปว่ามาตรการกำหนดโควตาการส่งออกของแดนมังกรนั้นไม่เป็นธรรม จีนได้ประกาศยกเลิกมาตรการดังกล่าว และยอดขายแรร์เอิร์ธที่ส่งเข้าสู่สหรัฐฯก็พุ่งพรวดขึ้น
ปรากฏว่า โมลีคอร์ปต้องประกาศล้มละลาย เนื่องจากราคาแรร์เอิร์ธอเมริกันตกต่ำพังพินาศ นับเป็นครั้งที่สองแล้วในเวลาแค่เพียงกว่า 1 ทศวรรษเล็กน้อย ที่สินค้าจีนราคาถูกได้มีส่วนสำคัญทำให้เหมืองแร่แรร์เอิร์ธที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวของอเมริกาต้องปิดตัวเองลง
เหมืองเมาน์เทนแพสส์ ในที่สุดได้ตกอยู่ในมือของบริษัทอเมริกันอีกแห่งหนึ่งชื่อ เอ็มพี แมตทีเรียลส์ (MP Materials) ทว่าบริษัทนี้ต้องแสวงหาความช่วยเหลือจากหุ้นส่วนชาวจีนรายหนึ่งพื่อทำให้เหมืองแร่กลับมาดำเนินงานได้ใหม่ ทั้งนี้ เซิ่งเหอ รีซอร์เซส (Shenghe Resources) บริษัทรัฐวิสาหกิจด้านแรร์เอิร์ธของจีน เป็นผู้จัดหาเงินทุนก้อนแรกและได้รับหุ้นจำนวนเล็กน้อยใน เอ็มพี เป็นการตอบแทน จากนั้น เซิ่งเหอ ก็จัดส่งแรร์เอิร์ธของ เอ็มพี กระจายไปในหมู่ผู้ซื้อชาวจีน ซึ่งนำไปใช้ผลิตเป็นแม่เหล็ก
เล่นเกมแรง
เมื่อถึงปี 2021 รัฐบาลสหรัฐฯก็มีความรู้สึกวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นทุกทีเกี่ยวกับความสามารถของจีนในการใช้แรร์เอิร์ธมาเป็นอาวุธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่โรคระบาดใหญ่ โควิด-19 ได้ทำให้ซัปพลายจากจีนเกิดภาวะสะดุดชะงัก เป็นเหตุให้ราคาทะยานขึ้น
วอชิงตันเริ่มเสนอให้เงินทุนขนาดใหญ่โตสำหรับการเปิดโรงงานแรร์เอิร์ธแห่งใหม่ๆ รวมไปถึงโรงงานเพิ่มความบริสุทธิของแรร์เอิร์ธแห่งหนึ่งในรัฐเทกซัส ซึ่งจะสร้างขึ้นโดย ไลนัส (Lynas) บริษัทแรร์เอิร์ธสัญชาติออสเตรเลีย
ในปีนั้นเอง สมาคมอุตสากรรมแรร์เอิร์ธจีน (Association of China Rare Earth Industry) ได้ออกคำเตือนอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชนว่า ถ้าปักกิ่งต้องการที่จะรักษา “ฐานะการครอบงำอย่างสมบูรณ์แบบของจีน” เอาไว้ต่อไปแล้ว แดนมังกรก็จำเป็นต้องผ่อนปรนข้อจำกัดของรัฐในเรื่องโควตาการผลิต
ปักกิ่ง ซึ่งถึงแม้มีความเคลื่อนไหวเพื่อยกเลิกการควบคุมการส่งออก ทว่ายังคงดำเนินการจัดระเบียบว่าบริษัทแรร์เอิร์ธจีนทั้งหลายจะสามารถผลิตได้เป็นปริมาณเท่าใดต่อไป ได้ตอบสนองในปี 2022 ด้วยการผลักดันผลผลิตให้สูงขึ้นราว 25% ถือเป็นปริมาณมากที่สุดในรอบหลายๆ ปี แล้วจากนั้นยังเพิ่มสูงขึ้นอีกเยอะทีเดียวในปีถัดมา สภาพเช่นนี้ทำให้ระดับราคาในตลาดดำดิ่ง สร้างความเสียหายให้แก่ผลประกอบการของพวกผู้ผลิตชาวตะวันตก และทำให้บางรายถึงกับบอกขายทรัพย์สิน
ปักกิ่งยังประกาศใช้มาตรการใหม่ๆ ที่มุ่งป้องกันไม่ให้มีการถ่ายโอนเทคโนโลยีการแปรรูปแรร์เอิร์ธของตนไปยังต่างประเทศ ระหว่างการกล่าวปราศรัยครั้งหนึ่ง เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนผู้หนึ่งพูดออกมาตรงๆ เกี่ยวกับความทะเยอทะยานของปักกิ่ง โดยกล่าวว่าแดนมังกรต้องการที่จะ “เพิ่มความเข้มแข็งให้แก่อำนาจควบคุมของจีนเหนือทรัพยาการแรร์เอิร์ธของทั่วโลก”ทั้งนี้ตามรายงานของสื่อทางการจีน
ไลนัส ซึ่งตอนแรกเริ่มทีเดียว วางแผนการจะให้การดำเนินการของตนในเทกซัสพรักพร้อมที่จะเดินเครื่องได้อย่างเร็วที่สุดในปี 2025 ปรากฏว่าถึงตอนนี้กลับยังไม่ได้สร้างโรงงานขึ้นมาเลย บริษัทออสเตรเลียแห่งนี้กล่าวด้วยว่า มีความไม่แน่ไม่นอนอย่างมโหฬารทีเดียวว่า โครงการนี้จะมีการเดินหน้าต่อไปหรือไม่
อันที่จริง การลงทุนบางส่วน ได้มีการเดินหน้าต่อไปเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งพวกโรงงานแรร์เอิร์ธที่ได้รับการหนุนหลังจากเจเนอรัลมอเตอร์ส ซึ่งตัดสินใจที่จะพึ่งพาอาศัยซัปพลายจีนให้น้อยลง กระนั้นมันก็ยังคงไม่มีอะไรซึ่งอยู่ในขนาดขอบเขตตามที่กำหนดตกลงกันเอาไว้
ในเดือนกรกฎาคม รัฐบาลสหรัฐฯแถลงว่าจะเข้าถือหุ้นจำนวน 15% ในเอ็มพีแมตทีเรียลส์ ผู้ผลิตเรือธงด้านแรร์เอิร์ธของอเมริกา ซึ่งได้เข้าเทคโอเวอร์เหมืองเมาน์เทนแพสส์ และตอนนี้กำลังก่อสร้างโรงแปรรูปและโรงผลิตแม่เหล็ก รัฐบาลสหรัฐฯยังกำลังนำเอาเครื่องมือใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อการส่งเสริมสนับสนุน เป็นต้นว่า การจัดทำระบบกำหนดราคารับซื้อต่ำสุดสำหรับแรร์เอิร์ธของบริษัทนี้ขึ้นมาอย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยให้แน่ใจว่าเอ็มพีสามารถยืนหยัดอยู่ได้หากมีวัสดุจีนราคาต่ำไหลทะลักทลายเข้ามาอีกในอนาคตข้างหน้า
กระนั้น ความได้เปรียบของจีนก็ไม่สามารถที่จะลบหายไปได้ในเวลาชั่วข้ามคืน
“ในช่วง 20 ปี หรือ 25 ปีที่ผ่านมา เราไม่ได้มีความตื่นตัวเฝ้าระวัง” รัฐมนตรีคลัง สกอตต์ เบสเซนต์ ของสหรัฐฯ กล่าวในเวทีประชุมด้านการลงทุนแห่งหนึ่ง “ไม่มีใครคอยเฝ้าดูแลอยู่เลย ทุกๆ คนต่างพากันเคลิ้มหลับจนกระทั่งสายเกินไปเสียแล้ว”


