ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เริ่มต้นภารกิจเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียและการเจรจาการค้าที่มีเดิมพันสูงกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนในวันศุกร์ (24 ต.ค.) พร้อมเกริ่นว่าอยากจะได้พบปะกับ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ระหว่างการเดินทางครั้งนี้ด้วย
ทรัมป์ มีกำหนดจะพบกับ สีที่เกาหลีใต้ในวันสุดท้ายของการเจรจาระดับภูมิภาค เพื่อบรรลุข้อตกลงยุติสงครามการค้าที่ดุเดือดระหว่าง 2 มหาอำนาจที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
ผู้นำสหรัฐฯ ยังจะเดินทางเยือนมาเลเซียและญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นการเยือนเอเชียครั้งแรกนับตั้งแต่กลับเข้าทำเนียบขาวเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางความตึงเครียดจากมาตรการภาษีศุลกากรและข้อตกลงระหว่างประเทศ
ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันว่า เขาหวังว่าจะมี "การพบปะที่ดีมาก" กับ สี จิ้นผิง และคาดหวังว่าจีนจะยอมทำข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร 100% เพิ่มเติม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ย.
ขณะที่เดินทางออกจากวอชิงตัน ทรัมป์ได้เอ่ยเสริมด้วยว่า ระหว่างที่เขาอยู่บนคาบสมุทรเกาหลีอาจได้พบกับ คิม จองอึน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019
"ผมยินดี ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือ ผมพร้อม" ทรัมป์ ระบุ "ผมมีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับเขา"
ทรัมป์ และ คิม พบกันครั้งสุดท้ายที่กรุงฮานอยของเวียดนามในช่วงที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก
คิม กล่าวว่า เขายินดีที่จะพบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ หากวอชิงตันยกเลิกข้อเรียกร้องที่ให้เปียงยางยอมละทิ้งคลังแสงนิวเคลียร์
รัฐมนตรีกระทรวงการรวมชาติของเกาหลีใต้กล่าวว่า มีโอกาส "ค่อนข้างมาก" ที่ ทรัมป์ และ คิม จองอึน จะพบกันในขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ อยู่ในเกาหลีใต้เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดระดับภูมิภาค
จุดหมายแรกของทรัมป์คือมาเลเซียซึ่งเขาเดินทางไปถึงในวันอาทิตย์ (26) เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งเป็นการประชุมที่เขาพลาดที่จะเข้าร่วมหลายครั้งในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรก
ทรัมป์ เตรียมลงนามข้อตกลงการค้ากับมาเลเซีย แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เขาจะร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา โดยเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามที่จะสะสมโปรไฟล์เพื่อคว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
ทรัมป์ กล่าวว่า ตนคาดว่าจะได้พบกับประธานาธิบดี ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิลนอกรอบการประชุม เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับผู้นำฝ่ายซ้ายผู้นี้ หลังจากที่ขัดแย้งกันมานานหลายเดือน
จุดหมายปลายทางต่อไปของ ทรัมป์ คือกรุงโตเกียว ซึ่งเขาจะเดินทางถึงในวันจันทร์ (27) และจะเข้าพบ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นักการเมืองอนุรักษนิยมซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่าเขา "ได้ยินเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับเธอ" และยกย่องเรื่องที่เธอเป็นสาวกของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ผู้ถูกลอบสังหาร และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ทรัมป์
ญี่ปุ่นรอดพ้นจากมาตรการภาษีนำเข้าที่เลวร้ายที่สุดที่ ทรัมป์ เรียกเก็บจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อปิดฉากสิ่งที่เขาเรียกว่าดุลการค้าที่ไม่เป็นธรรมซึ่งกำลัง "ฉ้อโกงสหรัฐอเมริกา"
อย่างไรก็ดี ไฮไลต์จริงๆ ของการเดินทางครั้งนี้คาดว่าจะอยู่ที่เกาหลีใต้ โดย ทรัมป์ มีกำหนดเดินทางถึงเมืองปูซานในวันพุธ (28) ก่อนการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) จะเปิดฉากขึ้น
ทรัมป์ จะพบกับประธานาธิบดี อี แจ มยอง ของเกาหลีใต้ ขึ้นกล่าวปาฐกถาในงานเลี้ยงอาหารกลางวันของเอเปคร่วมกับผู้นำภาคธุรกิจ และรับประทานอาหารค่ำร่วมกับผู้บริหารระดับสูงด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ระหว่างการประชุมสุดยอดที่เมืองคยองจู
ในวันพฤหัสบดี (29) ทรัมป์จะพบกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลับเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เทอมสอง
คาดว่าตลาดโลกจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่า ผู้นำทั้งสองจะสามารถเบรกสงครามการค้าที่เกิดจากมาตรการขึ้นภาษีครั้งใหญ่ของ ทรัมป์ เมื่อต้นปีนี้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังเกิดข้อพิพาทเรื่องการควบคุมส่งออกแร่ธาตุหายากของปักกิ่งเมื่อเร็วๆ นี้
ในตอนแรก ทรัมป์ ขู่ว่าจะยกเลิกการประชุมกับ สี และประกาศเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจีนอีก 100% ก่อนที่จะยอมเดินหน้าจัดประชุมต่อไป
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะหารือเรื่องเฟนทานิลกับ สี จิ้นผิง ด้วย ท่ามกลางความพยายามของวอชิงตันที่จะเพิ่มแรงกดดันให้ปักกิ่งควบคุมการค้าโอปิออยด์ และปราบปรามแก๊งค้ายาเสพติดในละตินอเมริกา
ที่มา: เอเอฟพี


