ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียยังคงแสดงท่าทีแข็งกร้าวในวันพฤหัสบดี (23 ต.ค.) หลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรบริษัทน้ำมัน 2 แห่งที่ใหญ่ที่สุดของแดนหมีขาวเพื่อกดดันผู้นำเครมลินให้ยุติสงครามในยูเครน ในมาตรการที่ผลักดันให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้น 5%
แหล่งข่าวด้านการค้าเผยกับรอยเตอร์ว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ทำให้บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของจีนระงับการซื้อน้ำมันจากรัสเซียในระยะสั้น ขณะที่แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมระบุว่า โรงกลั่นในอินเดียซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันทางทะเลรายใหญ่ที่สุดของรัสเซียก็เตรียมลดการนำเข้าน้ำมันดิบลงอย่างมาก
มาตรการคว่ำบาตรนี้มุ่งเป้าไปที่บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่างรอสเนฟต์ (Rosneft) และลูคอยล์ (Lukoil) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 5% ของปริมาณการผลิตน้ำมันทั่วโลก และถือเป็นการกลับลำครั้งสำคัญของ ทรัมป์ ที่เพิ่งกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเขาและ ปูติน จะจัดการประชุมสุดยอดที่บูดาเปสต์ในเร็วๆ นี้ เพื่อพยายามยุติสงครามในยูเครน
แม้ผลกระทบทางการเงินต่อรัสเซียอาจมีจำกัดในระยะสั้น แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงเจตนาของ ทรัมป์ ที่จะบีบคั้นการเงินของรัสเซีย และบังคับให้เครมลินทำข้อตกลงสันติภาพจบการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบซึ่งยืดเยื้อมานาน 3 ปีครึ่ง
ปูติน เยาะเย้ยมาตรการคว่ำบาตรว่าเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตร พร้อมย้ำว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย เขายังเอ่ยถึงความสำคัญของรัสเซียต่อตลาดโลก โดยเตือนว่าหากอุปทานน้ำมันลดลงอย่างรวดเร็วจะผลักดันให้ราคาพุ่งสูงขึ้น และสร้างความไม่สะดวกให้กับประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา
"แน่นอนว่านี่เป็นความพยายามกดดันรัสเซีย" ปูติน กล่าว "แต่ไม่มีประเทศที่เคารพตนเองและประชาชนที่เคารพตนเองคนใดจะตัดสินใจอะไรก็ตามภายใต้แรงกดดัน"
เมื่อถูกถามถึงความเห็นของ ปูติน ที่ว่ามาตรการคว่ำบาตรใหม่จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันพฤหัสบดี (23) ว่า "ผมดีใจที่เขารู้สึกแบบนั้น ก็ดีแล้ว ผมจะแจ้งให้คุณทราบในอีก 6 เดือนข้างหน้า"
ขณะที่ยูเครนขอให้พันธมิตรของสหรัฐฯ และยุโรปจัดหาขีปนาวุธพิสัยไกลเพื่อช่วยพลิกสถานการณ์ในสงคราม ปูติน ยังเตือนด้วยว่า การโจมตีลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซียจะกระตุ้นให้มอสโกตอบโต้อย่าง "รุนแรงมาก หรืออาจจะถึงขั้นท่วมท้น"
ขณะเดียวกัน ผู้นำสหภาพยุโรปและประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนได้พบปะกันที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันพฤหัสบดี (23) เพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดหาเงินทุนสำหรับยูเครน
ผู้นำอียูเห็นพ้องที่จะตอบสนองความต้องการทางการเงินเร่งด่วนของยูเครนในอีก 2 ปีข้างหน้า แต่ไม่ได้ลงนามรับรองอย่างชัดเจนถึงการใช้ทรัพย์สินที่ถูกอายัดของรัสเซียเพื่อปล่อยกู้จำนวนมากให้กับเคียฟ หลังจากที่เบลเยียมแสดงความกังวล
มอสโกขู่ว่าจะ "ตอบโต้อย่างเจ็บปวด" หากทรัพย์สินดังกล่าวถูกยึด
ที่มา: รอยเตอร์


