xs
xsm
sm
md
lg

คณะผู้นำจีนผ่าน ‘แผนพัฒนาระยะ5ปี’ฉบับใหม่ ชูอุตสาหกรรมทันสมัย ส่งเสริมการพึ่งพาตนเองด้านไฮเทคสู้อเมริกา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนรักษการอยู่ตรงบริเวณทางเข้าโรงแรมจิงซี ในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันจันทร์ (20 ต.ค.)  โรงงานแห่งนี้เป็นสถานที่จัดการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ คราวนี้
คณะผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนประกาศในวันพฤหัสบดี (23 ต.ค.) จะสร้างระบบอุตสาหกรรมสมัยใหม่ และเพิ่มความพยายามในการบรรลุเป้าหมายการพึ่งพาตัวเองด้านเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันกับอเมริกา นอกจากนั้นยังมีมติเปลี่ยนตัวสมาชิกคณะกรรมการกลาง 11 คน ซึ่งเป็นจำนวนมากสุดเป็นประวัติการณ์โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการล้างบางคอร์รัปชันในกองทัพ

แถลงการณ์ที่ออกมาภายหลังการประชุมสิ้นสุดลงในวันพฤหัสฯ ระบุว่า ระหว่างปี 2026-2030 จีนจะเผชิญโอกาสเชิงยุทธศาสตร์ควบคู่กับความเสี่ยงและความท้าทาย รวมทั้งจะมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนและคาดเดาไม่ได้เพิ่มขึ้น ดังนั้น จีนจึงต้องรักษาสัดส่วนที่เหมาะสมในภาคการผลิตและสร้างระบบอุตสาหกรรมอันทันสมัยด้วยการผลิตขั้นสูง

ดังที่คาดหมายกันอย่างกวางขวาง การประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนคราวนี้ ยังให้คำมั่นสัญญาที่จะเพิ่มความพยายามในการขยายอุปสงค์ความต้องการภายในประเทศ และปรับปรุงยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยที่เรื่องเหล่านี้ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเป้าหมายเป็นเวลานานแล้ว ถึงแม้ระยะไม่กี่ปีหลังๆ มานี้จะไม่ค่อยได้รับการสานต่อเท่าใด ในขณะที่แดนมังกรให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ แก่เรื่องอุตสาหกรรมการผลิตและการลงทุน

แถลงการณ์ของการประชุมให้เพียงภาพกว้างๆ เกี่ยวกับแผนพัฒนา 5 ปีในช่วงระหว่างปี 2026-2030 โดยมุ่งระบุถึงขนาดขอบเขตทว่าปราศจากรายละเอียด คาดกันว่าจะมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารออกมาเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่วันจากนี้ไป ทว่าแผนพัฒนาทั้งฉบับจะยังไม่เป็นที่ทราบกันจนกระทั่งถึงประมาณเดือนมีนาคมปีหน้า เมื่อสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ ที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติของจีน จะอนุมัติแผนการนี้ระหว่างการประชุมเต็มคณะประจำปี

นอกจากการพิจารณากำหนดเป้าหมายทางนโยบายทั้งด้านเศรษฐกิจละอื่นๆ สำหรับช่วงเวลา 5 ปีข้างหน้านี้ ในการประชุมเต็มคณะคราวนี้ บรรดาผู้นำพรรคยังมีมติเปลี่ยนตัวสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคเป็นจำนวน 11 คน ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017

การเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลที่ดูจะได้รับความสนใจมากที่สุด ได้แก่การที่ พลเอกจาง เซิงหมิน ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง (ซีเอ็มซี) แทน พลเอกเหอ เว่ยตง ที่ถูกพรรคคอมมิวนิสต์ปลดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจากข้อหาทุจริต พร้อมกับนายพลอีก 8 คนของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (พีแอลเอ)

ทั้งนี้ นับจากเข้ารับตำแหน่งในปี 2012 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เปิดปฏิบัติการล้างบางการทุจริตโดยมุ่งเป้าทั้งที่พรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาล โดยในระหว่างรับตำแหน่งสมัยแรกได้เปลี่ยนสมาชิกคณะกรรมการกลางสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 19 คน

ปัจจุบัน จางเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบวินัยของซีเอ็มซี มีหน้าที่กำกับดูแลความพยายามในการปราบปรามการทุจริตในกองทัพ โดยที่ผ่านมา เขาสังกัดอยู่ในกองกำลังทหารปืนใหญ่ที่ 2 ที่ขณะนี้เปลี่ยนชื่อเป็นกองกำลังจรวดแห่งกองทัพปลดแอกปรเชาชนจีน นอกจากนั้นทั้งเคยทำงานช่วงสั้นๆ ในแผนกส่งกำลังบำรุงทั่วไปของซีเอ็มซี ซึ่งก็ตกเป็นเป้าหมายการตรวจสอบการทุจริตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน

ปี 2017 จางได้รับแต่งตั้งเข้าสู่ซีเอ็มซีและได้เลื่อนยศเป็นพลเอก ขณะเดียวกัน เขายังได้รับแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการตรวจสอบวินัยแห่งคณะกรรมการกลางพรรค ที่เป็นหน่วยงานปราบปรามการทุจริตระดับสูงของจีน ถือเป็นการมอบหมายอำนาจให้แก่บุคคลที่เป็นนายทหารอย่างสูงผิดปกติ ภายในระบบของพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งเน้นความสำคัญของพลเรือน และนักวิเคราะห์มองว่า สื่อถึงความไว้วางใจที่ สี มีต่อนายพลผู้นี้

สำหรับเหอ เว่ยตงนั้น ที่ผ่านมาพวกนักวิเคราะห์ทางตะวันตกก็เชื่อกันว่า เคยเป็นนายทหารคนสนิทของสี ทั้งคู่เคยปฏิบัติหน้าที่อยู่ในมณฑลฝู่เจี้ยนในช่วงทศวรรษ 1990

นับจากปี 2023 ซีเอ็มซีที่มีสมาชิก 7 คนและมีสีเป็นประธาน สูญเสียสมาชิกไปแล้ว 3 คนจากการถูกสอบสวนกรณีการทุจริต

(ที่มา: รอยเตอร์, เอพี, เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น