ทำเนียบขาวอ้าง เตรียมส่งแผนสร้างห้องบอลล์รูมขนาดใหญ่มูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ของทรัมป์ ไปให้หน่วยงานรับผิดชอบกำกับตรวจสอบการก่อสร้างอาคารรัฐบาลกลางสหรัฐฯพิจารณาอยู่แล้วเร็วๆ นี้ ถึงแม้ว่างานรื้อถอนเพื่อเคลียร์พื้นที่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้
ตัวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เอง ออกปากเปิดเผยถึงเรื่องนี้ในวันอังคาร (21 ต.ค.) ท่ามกลางเสียงรื้อถอนของพวกคนงานก่อสร้างเพื่อดำเนินการตามโปรเจ็คต์สร้างห้องบอลล์รูมเพิ่มขึ้นมาในทำเนียบขาวของเขา ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในอาคารสำคัญยิ่งยวดของสหรัฐฯแห่งนี้ในรอบระยะเวลาหลายทศวรรษ
พวกที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์หลายราย ต่างบอกว่าตกใจกับภาพการทุบผนังในทำเนียบขาว ที่ยังคงเกิดขึ้นมาหลังจากทรัมป์กล่าวยืนยันว่าโครงการนี้จะไม่ไปรบกวนหลักหมายสำคัญต่างๆ ในอาคารประวัติศาสตร์หลังนี้ พวกเขาชี้ว่ากระบวนการตรวจสอบทบทวนว่าสมควรให้ก่อสร้างหรือไม่ ควรต้องกระทำกันตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการ
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนหนึ่งแก้ต่างว่า ทำเนียบขาวยังคงตั้งใจจะส่งแผนการเหล่านี้ไปยังคณะกรรมการวางแผนเมืองหลวงแห่งชาติ (เอ็นซีพีซี) ซึ่งมีหน้าที่กำกับตรวจสอบการก่อสร้างต่างๆ ของรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตันและในรัฐต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกัน ในเร็วๆ นี้อยู่แล้ว ก่อนสำทับว่า เอ็นซีพีซีไม่มีอำนาจกำกับดูแลงานรื้อถอน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงมีการทุบผนังในส่วนอีสต์วิง ของทำเนียบขาว ทั้งที่ทรัมป์รับปากว่า โปรเจ็คต์สร้างห้องบอลล์รูมของเขาจะไม่กระทบส่วนอื่นๆ ของอาคาร เจ้าหน้าที่คนเดิมอธิบายว่า ปกติแล้วขอบเขตและขนาดของโครงการรื้อถอนและปรับปรุงย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ทั้งนี้ ส่วนอีสต์วิงอยู่เหนือศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินของประธานาธิบดี หรือก็คือบังเกอร์หลบภัยสำหรับประธานาธิบดีกรณีที่เกิดสงคราม และไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า โครงการห้องบอลล์รูมของทรัมป์กระทบต่อศูนย์ดังกล่าวอย่างไรหรือไม่
ทรัมป์ อดีตนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังจากนครนิวยอร์ก ได้สั่งเปลี่ยนแปลงทั้งห้องทำงานรูปไข่ โรสการ์เด้น และส่วนอื่นๆ ในทำเนียบขาวมาแล้ว นับจากเข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค. สำหรับโปรเจ็คต์ห้องบอลล์รูมขนาดใหญ่นั้น เขาป่าวร้องแสดงความต้องการมานานแล้วที่จะสร้างขึ้นเอาไว้รับรองแขกในงานพิธีต่างๆ ได้มากขึ้น โดยเขาระบุว่า จะใช้เงินตัวเองและเงินจากผู้บริจาคเพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้เงินงบประมาณซึ่งต้องขออนุมัติจากรัฐสภา กระนั้น การกระทำเช่นนี้ก็ยังทำให้เกิดคำถามว่าอาจจะเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน
ไบรอัน กรีน อดีตสมาชิกเอ็นซีพีซีในสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดนของพรรคเดโมแครต ให้ความเห็นว่า งานรื้อถอนที่เกิดเสียงดังขึ้นมาเวลานี้นั้น เกี่ยวข้องเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสร้างห้องบอลล์รูมแน่ๆ
เขายังตั้งข้อสังเกตว่า เทนนิสพาวิลเลียนหรืออาคารข้างคอร์ตเทนนิสในทำเนียบขาว ซึ่งสร้างแล้วเสร็จในสมัยแรกของทรัมป์ ก็ผ่านกระบวนการพิจารณาทบทวนของเอ็นซีพีซี ตลอดจนคณะกรรมาธิการงานวิจิตรศิลป์ของสหรัฐฯก่อน
หากคราวนี้มีการพิจารณาทบทวนทำนองเดียวกันก่อนแล้ว ก็ย่อมสามารถหลีกเลี่ยงการที่ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากรู้สึกช็อกในสัปดาห์นี้ เมื่อได้เห็นงานรื้อถอนเกิดขึ้นอย่างไม่เคยมีการประกาศล่วงหน้าเมื่อวันจันทร์ (20) แล้วทรัมป์จึงออกมาพูดในเวลาต่อมาว่ามีการรื้อถอนบริเวณพื้นที่ซึ่งจะทำโครงการสร้างห้องบอลล์รูม หลังจากภาพการรื้อถอนเริ่มถูกเผยแพร่ออกไปจากการรายงานข่าวของสื่อต่างๆ แล้ว
ทำเนียบขาวตอบโต้เสียงครหาว่า เป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ และอ้างว่า ประธานาธิบดีคนก่อนๆ ต่างเคยสั่งต่อเติมและรีโนเวตทำเนียบขาวมาแล้วทั้งนั้น
แต่พวกสมาชิกชั้นนำของเดโมแครตหลายคนไม่คล้อยตาม
ฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า ทำเนียบขาวไม่ใช่บ้านทรัมป์ แต่เป็นของรัฐบาลและคนอเมริกัน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่า โครงการนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานใด
พริยา เจน ประธานคณะกรรมการอนุรักษ์มรดกของสมาคมนักประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม ซึ่งแสดงความกังวลกับโครงการห้องบอลล์รูมของทรัมป์ กล่าวว่า ภายใต้กฎหมายอนุรักษ์ทรัพย์สินทางประวัติศาสตร์แห่งชาติของอเมริกาปี 1966 โครงการที่ส่งผลกระทบต่ออาคารที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ต้องมีการตรวจสอบ ทว่ามีข้อยกเว้นสำหรับทำเนียบขาว อาคารรัฐสภา ศาลสูงสุดและบริเวณโดยรอบ ทำให้โครงการของทรัมป์ได้รับการยกเว้นไปด้วย
(ที่มา: รอยเตอร์, เอพี)