คิม ยอง-ฮุน รัฐมนตรีแรงงานเกาหลีใต้เมื่อวันจันทร์(20ต.ค.) ปฏิเสธเสียงเรียกร้องให้หั่นโควตา E-9 สำหรับแรงงานกัมพูชา ท่ามกลางความขุ่นเคืองของประชาชนที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ต่อเหตุลักพาตัวและอาชญากรรมอื่นๆที่เล็งเป้าเล่นงานคนเกาหลีใต้ ในชาติแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้
ระหว่างแถลงข่าวในกรุงโซล คิม ปฏิเสธเสียงชี้แนะที่บอกว่ารัฐบาลกัมพูชาควรถูกลงโทษต่ออาชญากรรมต่างๆนานาเมื่อเร็วๆนี้ที่เกี่ยวข้องกับพลเมืองชาวเกาหลีใต้ หรือไม่เกาหลีใต้ก็ควรลดโควตาแรงงาน E-9 ของกัมพูชา เป็นการตอบโต้
"เราไม่มีแผนปรับเปลี่ยนการจัดสรรโควตา E-9 ของกัมพูชา ในเวลานี้" คิมกล่าว พร้อมเตือนว่าการปรับลดโควตาแต่เพียงฝ่ายเดียวหรือจำกัดการอนุญาตจ้างงานบนพื้นฐานของเหตุการณ์โดดๆ อาจกลายเป็นการตราหน้าอย่างไม่ยุติธรรมกับแรงงานกัมพูชาที่อาศัยอยู่หรือได้รับการจ้างงานในเกาหลีใต้ ขณะเดียวกันก็อาจบ่อนทำลายความสัมพันธ์ด้านแรงงานทวิภาคี
ความเห็นของเขามีขึ้นท่ามกลางกรณีที่มีพลเมืองเกาหลีใต้ตกเป็นเป้าหมายของเหตุอาญากรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยฝีมือของแก๊งอาชญากรรมที่มีฐานในกัมพูชา มันโหมกระพือประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับอนาคตความร่วมมือด้านแรงงานระหว่าง 2 ชาติ ในขณะที่เกาหลีใต้ลงนามในข้อตกลงส่งแรงงานกับกัมพูชา 2006 ทำให้กัมพูชากลายมาเป็นแหล่งแรงงาน E-9 รายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ภายใต้ระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ (EPS) รองจากเนปาล
มีรายงานว่ากระทรวงแรงงานและการจ้างงานของเกาหลีใต้ ได้ทำการทบทวนว่ามีมาตรการใดหรือไม่ในบันทึกความเข้าใจที่ทำไว้กับกัมพูชา ที่อาจนำมาใช้ในความเกี่ยวข้องกับวิกฤตเหตุการณ์อาชญากรรมต่างๆนานาในกัมพูชาเมื่อเร็วๆนี้ ทั้งนี้ E-9 อนุญาตให้นายจ้างเกาหลีจ้างงานแรงงานต่างชาติในอุตสาหรรมต่างๆที่ขาดแคลนกำลังคน ในนั้นรวมถึงการผลิต, การเกษตร, ประมงและก่อสร้าง สำหรับปีนี้ รัฐบาลกำหนดโควตาวีซ่า E-9 รวมทั้งสิ้น 130,000 อัตรา
ท่ามกลางกำลังแรงงานที่กำลังหดตัวในเกาหลีใต้และจำนวนประชากรในภูมิภาคลดลงเรื่อยๆ คิม ให้คำจำกัดความแรงงานต่างชาติว่าเป็น "คู่หูที่ขาดไม่ได้ ในการค้ำยันเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ"
เขาบอกว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีอี-แจ มย็อง มุ่งมั่นที่จะรับประกันสภาพแวดล้อมที่มั่นคง ปลอดภัยและรวมความหลากหลาย ที่แรงงานทุกคน ในนั้นรวมถึงแรงงานที่ไม่ใช่พลเมืองของประเทศ สามารถทำงานได้อย่างอิสระเสรีโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติใดๆ
สืบเนื่องจากความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความรู้สึกเกลียดชังชาวต่างชาติและข้อมูลบิดเบือนที่เล็งเป้าไปที่แรงงานต่างชาต้ โดยเฉพาะพลเมืองจีน ทาง คิม เน้นย้ำว่า "แรงงานทุกคนควรได้รับความเคารพและแรงงานทุกคนควรได้รับการปกป้องโดยไม่พิจารณาว่าคนเหล่านั้นเป็นคนชาติใดหรือมีพื้นเพจากไหน"
รัฐมนตรีแรงงานเกาหลีใต้ กล่าวต่อว่า "วาทกรรมแห่งความเกลียดชังและความมีอคติบนพื้นฐานของชาติกำเนิด ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของสิทธิการแสดงออก แต่มันเป็นอาชญากรรมและไม่อาจอดทนได้"
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับรายงานข่าวของสื่อมวลชนต่างชาติเกี่ยวกับเหตุล่วงละเมิดสิทธิแรงงานต่างๆนานา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการกล่าวหาว่าพวกนายจ้างในเกาหลีใต้ยึดพาสปอร์ตของแรงงานต่างชาติอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในเรื่องนี้ทาง คิม ยอมรับว่าเหตุล่วงละเมิดดังกล่าวเป็นปัญหารื้อรังและขอโทษในนามรัฐบาล พร้อมประกาศยกระดับการกำกับดูและและคุ้มครองเข้มแข็งขึ้น เพื่อปกป้องบุคคลที่ออกมาแฉ จากการถูกแก้แค้น
(ที่มา:โคเรียไทม์ส)