เมื่อสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงตัดสินพระทัย ไม่ปล่อยให้พระอนุชาเตะถ่วงปัญหาอื้อฉาวอีกต่อไป คิงทรงดำเนินการด้วยพระองค์เองอย่างเด็ดขาด ได้แก่ การขู่จะให้ปรินซ์แอนดรูว์เผชิญกับการถูกถอดพระอิสริยยศต่างๆ อย่างเป็นทางการ หากปรินซ์ยังไม่ยอมตระหนักถึงผลแห่งการกระทำผิดพลาดทั้งปวงของตนเอง ซึ่งพระแท็กติกนี้ประสบความสำเร็จด้วยปัจจัยตั้งต้น คือ สถานการณ์อัปยศบีบพระอนุชาเสียขวัญอย่างหนัก และทรงชัดแจ้งในพระทัยแล้วว่า ไม่มีผู้ใดจะอุ้มพระองค์ออกจากวิกฤติการณ์เหมือนที่ผ่านมา
กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงตรัสชัดเจนกับพระอนุชาว่า พระองค์จะไม่ลังเลที่จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด หากปรินซ์แอนดรูว์ไม่ยอมสละพระฐานันดรศักดิ์ ดยุกแห่งยอร์ก ตลอดจนพระเกียรติยศอื่นๆ หลังจากที่ปรากฏหลักฐานออกมาว่า ปรินซ์ทรงโกหกเรื่องตัดญาติขาดมิตรแล้วกับ เจฟฟรีย์ เอปสทีน อาชญากรบังคับเด็กสาวค้าประเวณี เดลิเมลออนไลน์รายงานโดยอ้างหลายแหล่งข่าววงใน
โดยบรรณาธิการโต๊ะข่าวพระราชวังเล่าบรรยากาศตึงเครียดหลังกำแพงพระราชวังว่า แม้จะมีหลักฐานมหาศาลท่วมท้นออกมาถล่มปรินซ์แอนดรูว์ แต่ปรินซ์ก็ยังยืนหยัดปฏิเสธเสียงแข็ง ปราศจากพระอาการ“สำนึกผิด”
นั่นเป็นเรื่องที่กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงถือว่า “เกินกว่าจะยอมรับได้” หลายๆ แหล่งข่าวของ บ.ก.ข่าวพระราชวัง ระบุอย่างนั้นพร้อมอธิบายเพิ่มเติมดังนี้
วิถีทางเดียวที่คิงชาร์ลส์จะทรงอำนวยการให้ปรินซ์แอนดรูว์ได้รับผลกรรมของตนเอง อันได้แก่ การถูกถอดถอนความเป็น “ดยุกแห่งยอร์ก” อย่างเป็นทางการนั้น พระองค์ต้องส่งเรื่องเข้าสู่รัฐสภา เพื่อให้มีการตราพระราชบัญญัติถอดถอน
แต่กระบวนการที่เกี่ยวข้องต้องใช้เวลาไม่ใช่น้อยๆ
การบีบให้ปรินซ์แอนดรูว์ทรงยอมสละความเป็นดยุกแห่งยอร์ก จึงเป็นวิธีที่ได้ผลอย่างรวดเร็วกว่ากันมหาศาล
ดังนั้น ในสัปดาห์ที่แล้ว คิงชาร์ลส์ทรงปิดห้องและเจรจากับปรินซ์แอนดรูว์ซึ่งมีพระชนมายุอ่อนกว่ากัน 11 พรรษา อย่างจริงจัง โดยทรงแจกแจงว่าปรินซ์จะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง หากปรินซ์ทรงไม่ก้าวออกมาเผชิญกับสาธารณชน และแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดในอดีตทั้งปวง
ทั้งนี้ หากปรินซ์แอนดรูว์ทรงเป็นฝ่ายที่ถูกรัฐสภาออกกฎหมายถอดถอนความเป็นดยุกแห่งยอร์ก พระธิดาสองพระองค์ของปรินซ์จะสูญเสียพระยศ “เจ้าหญิง” ไปด้วย ทั้งนี้ สำนักสื่อมวลชนใหญ่ของอังกฤษอย่าง บีบีซี ชี้ไว้ว่าปมตรงนี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปรินซ์แอนดรูว์ ผู้เป็นพระบิดา ตัดสินพระทัยดำเนินการตามแรงบีบ
ด้านบรรณาธิการข่าวพระราชวงศ์ของเดลิเมลออนไลน์นำเสนอว่า ในขณะที่ข้อมูลแฉความอื้อฉาวของปรินซ์แอนดรูว์ (ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อเวอร์จิเนีย จุฟเฟร และในส่วนที่ปรินซ์ผู้เป็นพระราชโอรสแห่งควีนเอลิซาเบธที่ 2 ไปคลุกคลีใกล้ชิดและรับเงินทองของอาชญากรค้ากามเด็กสาว) ส่งผลกระพือความเกลียดชังในหมู่พสกนิกรให้ดุเดือดมากขึ้นทุกวัน นั้น สำนักพระราชวังบัคกิงแฮมต้องรีบขยับ เพื่อคลี่คลายความร้อนแรงในมู้ดของสาธารณชนก่อนที่สถานการณ์จะลุกลามเกินกว่าจะควบคุมไหว
ดังนั้น ในคืนวันศุกร์ 17 ตุลาคม 2025 ก่อน 01.00 น. ของวันเสาร์ 18 ตุลาคม 2025 สำนักพระราชวังบัคกิงแฮมนำหนังสือแถลงการณ์ส่วนพระองค์ ซึ่งลงนามปรินซ์แอนดรูว์ ออกเผยแพร่สู่สาธารณชน หนังสือดังกล่าวมีใจความสำคัญคือ ปรินซ์แอนดรูว์ทรงประกาศการสละพระอิสริยยศและพระฐานันดรศักดิ์ที่เหลืออยู่ทั้งหมด โดยเห็นแก่พระราชตระกูลและประเทศชาติ
แหล่งข่าวของเดลิเมลออนไลน์ชี้ไว้ว่า อานิสงส์จากความเคลื่อนไหวครานี้ของปรินซ์แอนดรูว์ แม้จะไม่ถึงกับดีเยี่ยม แต่ต้องถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในสภาพการณ์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ หลายๆ แหล่งข่าววิเคราะห์ตรงกันว่า จนถึงที่สุดแล้ว ปรินซ์แอนดรูว์ ซึ่งเหลือความเป็นปรินซ์ตามพระชาติกำเนิด ยังเฝ้าแต่ปฏิเสธจะยอมรับว่าปัญหาเละเทะที่ทรงก่อไว้นั้นรุนแรงเหลือเกิน และพระองค์ทรงเคลมจากมุมมองขององค์เองเสมอ ว่าพระองค์มิได้ทำอะไรผิด
ปรินซ์แอนดรูว์อาจจะไม่สามารถเห็นกระแสอันรุนแรงในภาพรวม แต่สำนักพระราชวังเห็นอย่างกระจ่างชัด รีเบ็กกา อิงลิช บ.ก.ข่าวพระราชวงศ์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งของเดลิเมลออนไลน์
ภัยจากปรินซ์แอนดรูว์ยังผุดได้เรื่อยๆ ปมการครองพระตำหนักรอยัล ลอดจ์ ของปรินซ์ จึงถูกเขย่าอย่างหนัก
แม้จะลอยแพปรินซ์แอนดรูว์พ้นจากแวดวงพระราชตระกูลเรียบร้อย แต่เมื่อคำนึงถึงกรณีสปายสายลับจีนสามารถฝ่าเข้าสู่ภายในพระราชวังบัคกิงแฮมได้ โดยผ่านปรินซ์แอนดรูว์ ฝ่ายต่างๆ จึงมองว่ามีความเสี่ยงสูงอย่างยิ่งที่ปรินซ์จะทรงสร้างปัญหาใหม่ๆ
หนึ่งในแนวทางป้องกันปัญหา คือ การลอยแพปรินซ์ออกจากพื้นที่
แนวทางนี้จะสอดคล้องกับกระแสอันเชี่ยวกรากของสาธารณชนที่ชิงชังหรือเอือมระอากันข่าวอื้อฉาวอันมหาศาลของปรินซ์แอนดรูว์ และมีการประสานเสียงเรียกร้องให้เนรเทศพระองค์ไปจากเกาะอังกฤษ หรืออย่างน้อยก็ห่างไกลจากกรุงลอนดอน
ในวันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2025 บรรดาสื่อค่ายใหญ่น้อยพากันประโคมข่าวว่าปรินซ์แอนดรูว์ทรงเบี้ยวค่าเช่าพระตำหนักรอยัล ลอดจ์ จำนวนมากกว่า 200,000 ปอนด์ต่อปี ที่ทรงต้องจ่ายแก่สำนักงานบริหารอสังหาริมทรัพย์หลวง โดยเป็นการละเลยที่ดำเนินต่อเนื่องมาตลอด 22 ปีที่ทรงได้ครองพระตำหนักนี้ หลังจากที่พระตำหนักรอยัล ลอดจ์ เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระพันปีหลวงเอลิซาเบธ ผู้ทรงเป็นพระราชมารดาแห่งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จดจนกระทั่งเดอะควีนมาเธอร์ทรงสิ้นพระชนม์ในศักราช 2002
ปฏิกิริยาของสาธารณชนปรากฏเป็นการตำหนิติเตียนและต่อต้านปรินซ์แอนดรูว์อย่างดุเดือดยิ่ง
และในเวลาหลายชั่วโมงต่อมาของวันเดียวกัน ก็มีการปล่อยข่าวสำทับเผ็ดร้อนในประเด็นการขับปรินซ์แอนดรูว์ให้พ้นจากพระตำหนักรอยัล ลอดจ์
โดยเดลิเมลออนไลน์นำเสนอความเห็นของ ทีนา บราวน์ ผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์ระดับแถวหน้าของอังกฤษ ซึ่งออกมาลากเอาเจ้าหญิงเคทและเจ้าฟ้าชายวิลเลียมให้ตกเป็นข่าวว่า ทั้งสองพระองค์จะทรงเป็นผู้นำในการเนรเทศปรินซ์แอนดรูว์กับซาราห์ เฟอร์กูสัน อดีตพระชายา ออกจากพระตำหนักรอยัล ลอดจ์
ทีนา บราวน์ พระสหายของอดีตเจ้าหญิงไดอานา และเจ้าของหนังสือพระราชวงศ์อังกฤษเล่มโด่งดัง The Palace Papers (อีกทั้งยังเป็นอดีตบรรณาธิการใหญ่นิตยสารแฟชันและไลฟ์สไตล์อย่าง แวนิตี แฟร์ และแทตเลอร์) เขียนขึ้นแพลตฟอร์มส่วนตัวที่ทรงอิทธิพลมากมาย ชื่อว่า “Fresh Hell” โดยอ้างว่า
ปรินซ์วิลเลียมและปรินเซสเคทมิอาจยอมรับได้กับปรินซ์แอนดรูว์ และต้องการให้ปรินซ์แอนดรูว์พ้นไปไกลๆ ถ้าปรินซ์แอนดรูว์ไม่เนรเทศตนเองไปอยู่ในกระท่อมเล็กๆ ในเขตพระราชฐานบัลมอรัล หรือในวิลลาสนามกอล์ฟที่ดูไบ โฉมหน้าบึ้งตึงของปรินซ์ก็จะคอยโผล่ขึ้นมาให้คนทั้งประเทศเห็น
พร้อมนี้ ทีนา บราวน์ เขียนด้วยว่า เมื่อคิงชาร์ลส์สวรรคต ปรินซ์แอนดรูว์ก็จะได้เข้าร่วมในพระราชพิธีพระบรมศพ
รายงานข่าวชิ้นนี้ของเดลิเมลออนไลน์ได้รับคอมเมนต์ใต้ข่าวร้อนแรงอย่างยิ่ง คือ มากกว่า 5,000 คอมเมนต์ภายในไม่กี่ชั่วโมง
ช็อตต่อไปที่ต้องจับตาคือ การที่ปรินซ์แอนดรูว์จะยอมย้ายออกจากพระตำหนักรอยัล ลอดจ์ นั้น เกิดขึ้นแน่ อยู่แค่ว่าจะเมื่อใด เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าคิงชาร์ลส์ทรงพระปรีชาสามารถและทรงเป็นสุดยอดนักเจรจาในการขับเคลื่อนให้พระราชประสงค์กลายเป็นจริง โดยพระแท็กติกก็คือ รอให้สถานการณ์แวดล้อมกดดันจนถึงที่สุด
คอลัมน์ PLANET No.3
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดลิเมลออนไลน์ Fresh Hell Platform)