xs
xsm
sm
md
lg

“โซล” จัดหนักคุ้มกัน “ทรัมป์” ขั้นสูงสุดร่วมประชุม APEC สั่งระดม 18,000 ตำรวจ-เครื่องต่อต้านโดรน-เฮลิคอปเตอร์ CNN เปิดจนท.อเมริกันแอบหารือจัดซัมมิต “ทรัมป์-คิม จองอึน” รอบใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – เกาหลีใต้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดที่เมืองท่องเที่ยวทางอารยธรม คย็องจู (Gyeongju)สถานที่จัดงานการประชุม APEC สัปดาห์หน้าพร้อมตำรวจกว่า 18,500 นาย ระบบแจมสัญญาณต่อต้านโดรน ยานยนต์หุ้มเกราะ และเฮลิคอปเตอร์ คุ้มกันประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่พบกับผู้นำจีน สี จิ้นผิง หารือความขัดแย้งทางการค้าสหรัฐฯ-จีน แต่ CNN เปิด เจ้าหน้าที่อเมริกันแอบหารือประชุมซัมมิตทรัมป์-คิม จองอึนรอบใหม่ แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญฟันธงไม่เกิดขึ้นชัวร์หลังเปียงใจเทใจให้รัสเซีย-จีนค่ายเดียวกัน

รอยเตอร์รายงานวันอังคาร(21 ต.ค)ว่า โซลเตรียมส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 18,500 นาย ทีม SWAT และเจ้าหน้าที่ยามฝั่งเกาหลีใต้และเครื่องแจมสัญญาณต่อต้านโดรน ยานยนต์หุ้มเกราะ และเฮลิคอปเตอร์เพื่อรักษาความปลอดภัยให้บรรดาผู้นำชาติต่างๆรวมประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิงที่จะเข้าร่วมการประชุม APEC ที่เมืองท่องเที่ยวทางอารยธรม คย็องจู (Gyeongju)สถานที่จัดงานการประชุมในสัปดาห์หน้า

การประชุม APEC มีกำหนดเริ่มระหว่างวันที่ 31 ต.ค – วันที่ 1 พ.ย ซึ่งในระหว่างการประชุมคาดว่าผู้นำสหรัฐฯจะพบกับผู้นำจีนในระดับทวิภาคีเพื่อหารือข้อขัดแย้งทางการค้าและเป็นการพบกันครั้งแรกนับตั้งแต่การกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวรอบ 2
และตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค – วันที่ 31 ต.ค คาดจะมีผู้นำอุตสาหกรรมทั่วโลก 1,700 คนรวมซีอีโอ Nvidia เจนเซน ฮวง (Jensen Huang) จะเข้าร่วมการประชุมในระดับซีอีโอซัมมิต

การซักซ้อมทางความมั่นคงมากมายเกิดขึ้นในวานนี้(20)เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุม APEC โดยหน่วยยามฝั่งเกาหลีใต้ได้ออกปฎิบัติการค้นหาใต้น้ำในทะเลสาบโพมุน(Bomun Lake)ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของคอมเพล็กซ์นักท่องท่องเที่ยวโพมุน(Bomun Tourist Complex) ที่ซึ่งเป็นสถานที่การจัดอีเวนท์หลักและรวมไปถึงยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมหรูหรามากมาย
รอยเตอร์รายงานว่าปฎิบัติการความมั่นคงนี้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจอารักขาประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่เป็นผู้นำพร้อมด้วยหน่วยข่าวกรองลับ กองทัพเกาหลีใต้ ตำรวจ หน่วยงานยามฝั่ง และสำนักงานดับเพลิงแดนโสมร่วมด้วย

ขณะที่ CNN ของสหรัฐฯรายงานเมื่อวันเสาร์(18)เป็นข่าวดังไปทั่วว่า เจ้าหน้าที่อเมริกันแอบหารือลับถึงความเป็นไปได้การจัดประชุมซัมมิต ทรัมป์-คิม จองอึน ในระหว่างที่ผู้นำสหรัฐฯเดินทางมาที่เกาหลีใต้เดือนพฤศจิกายน ถึงแม้จะมีเป็นจำนวนมากตั้งข้อสงสัยถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผย

เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้วางแผนทางด้านโลจิสติกอย่างจริงจังที่จำเป็นต้องทำในการจัดการสำหรับการเยือนเช่นนั้น แหล่งข่าวกล่าวพร้อมชี้ไปถึงข้อเท็จจริงที่ว่ายังไม่มีการสื่อสารระหว่างวอชิงตันและเปียงยางเหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นในสมัยแรกของการดำรงตำแหน่งของทรัมป์

ทั้งนี้พบว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ยื่นไมตรีไปหาผู้นำเกาหลีเหนือเมื่อก่อนหน้าในปีนี้แต่ทว่ายังไม่มีการตอบกลับมาเพราะเกาหลีเหนือจะไม่ยอมรับจดหมาย อ้างอิงจากแหล่งข่าว 2 คน

และในการเยือนเอเชียที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำเนียบขาวนั้นทุ่มความสนใจไปที่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ซึ่งเป็นลูกพี่ของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นท่ามกลางความตรึงเครียดการค้าที่เพิ่มขึ้นระหว่างเบอร์ 1 และเบอร์ 2 ทางด้านมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก

อ้างอิงจากกระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้พบว่า ยังไม่มีการสื่อสารเกิดขึ้นระหว่าง 2 ชาติเกาหลีถึงความเป็นไปได้ในการประชุมซัมมิตสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ

สอดคล้องกับความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่ต่างเชื่อว่า ประธานาธิบดีทรัมป์คงไม่พบผู้นำเกาหลีเหนือในระหว่างการเยือนเอเชียรอบนี้

หนังสือพิมพ์โคเรียเฮอรัลด์ของเกาหลีใต้รายงานวันอาทิตย์(19) ศาสตราจารย์ หยาง มู-จิน (Yang Moo-jin) ประจำมหาวิทยาลัยการศึกษาเกาหลีเหนือในกรุงโซลแสดงทัศนะว่า ดูเหมือนว่าวอชิงตันจะกำลังหาลู่ทางอย่างไม่เป็นทางการ แต่เปียงยางยังไม่มีการตอบอย่างเป็นรูปธรรมกลับไป

“สถานการณ์ในวันนี้แตกต่างเป็นอย่างมากจากเมื่อครั้งมิถุนายนปี 2019” และเสริมว่า “เปียงยางยืนยันหนักแน่นปฎิเสธการไร้นิวเคลียร์ และการฝักใฝ่ทางยุทธศาสตร์ของเกาหลีเหนือร่วมกับจีนและรัสเซียนับวันจะยิ่งทวีความแข็งแกร่งมากขึ้น”

ด้านศาสตราจารย์ ลิม อุล-ชูล (Lim Eul-chul) ประจำสถาบันการศึกษาตะวันออกไกลของมหาวิทยาลัยคยุงนัม ( Kyungnam University) สะท้อนความเห็นของหยาง 

โดยเขากล่าวว่า “เกาหลีเหนือในเวลานี้มองตัวเองว่าเป็นประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์ไปแล้วที่ได้รับการหนุนหลังอย่างแข็งแกร่งจากจีนและรัสเซีย สหรัฐฯได้สูญเสียแต้มต่อรองที่ครั้งหนึ่งวอชิงตันเคยมี”

นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่า การเดินทางมาเยือนเอเชียรอบนี้ของผู้นาสหรัฐฯนั้นมีเป้าหมายหลักไปที่ลดความตรึงเครียดทางการค้ากับจีน ไม่ใช่การกลับมาซัมมิตรอบใหม่กับเปียงยาง

“สำหรับทรัมป์การพบกับคิม(ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน) นั่นอาจดูน่าสนใจเหมือนแค่ละครเวทีทางการเมืองแต่สำหรับตัวของผู้นำเกาหลีเหนือแล้ว มีความเสี่ยงสูงกว่ามากเป็นรางวัล”


กำลังโหลดความคิดเห็น