ปรินซ์แบงก์ บริษัทลูกของปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป กำลังสำรวจความเป็นไปได้ต่างๆในกลยุทธ์ปลดรายชื่อออกจากการคว่ำบาตร ตอบสนองต่อมาตรการคว่ำบาตรของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในขณะเดียวกันมีรายงานว่าพวกลูกค้ายังคงแจ้งเกี่ยวกับความยากลำบากในการโอนย้ายเงินไปยังธนาคารอื่นๆ แม้ทางสถาบันการเงินแห่งนี้ยืนกรานว่าปฏิบัติการต่างๆและสถานะทางการเงินของบริษัทยังคงมีเสถียรภาพ
เมื่อวันอังคาร(14ต.ค.) สหรัฐฯและสหราชอาณาจักร ขึ้นบัญชีดำ ปรินซ์ โฮลดิ้ง กลุ่มบริษัทสัญชาติกัมพูชา กล่าวหาปฏิบัติการเครือข่ายสแกมออนไลน์ข้ามชาติ ที่ว่ากันว่าเป็นการค้าทาสสมัยใหม่ที่เล็งเป้าหมายเล่นงานเหยื่อในต่างแดน มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวครอบคลุมองค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องกับบุคคลและองค์กรต่างๆ 146 รายชื่อ ตัดพวกเขาออกจากการทำธุรกิจในสหรัฐฯ และเปิดโปงรายชื่ออื่นๆ ที่มีความเสี่ยงโดนลงโทษ สำหรับการคงความสัมพันธ์กับบุคคลและองค์กรเหล่านั้น
หนึ่งวันหลังจากนั้น ปรินซ์แบงค์ หนึ่งในบริษัทลูกของปรินซ์ โฮลดิ้ง แถลงว่าแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ของธนาคารเกิดขัดข้องชั่วคราว ในสิ่งที่พวกเขาอ้างว่าเป็นการหยุดชะงักที่เกิดจากผู้ให้บริการภายนอก อย่างไรก็ตามเหตุขัดข้องดังกล่าวโหมกระพือความกังวลในวงกว้างในบรรดาลูกค้าผู้ใช้งาน ที่ประสบปัญหาในการเข้าถึงเงินของตนเอง
หลังจากแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ของธนาคารกลับมาใช้งานได้ตามปกติ ลูกค้าจำนวนมากพยายามโอนเงินไปยังสถาบันการเงินอื่นๆ แต่มีรายงานว่าเงินของพวกเขาถูกหักจากบัญชีปรินซ์แบงก์โดยที่เงินไม่เข้าธนาคารจุดหมายปลายทาง ทางปรินซ์แบงก์เรียกร้องให้ลูกค้าอยู่ในความอดทน รับประกันว่าธนาคารยังคงให้บริการและกำลังทำงานแก้ไขปัญหานี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ท่ามกลางความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตร จนผู้ใช้บริการปรินซ์แบงก์จำนวนมาก เริ่มโอนเงินของพวกเขาไปยังธนาคารอื่นๆ ทาง ปรินซ์แบงก์ ในวันศุกร์(17ต.ค.) แถลงว่าทางบอร์ดบริหารกำลังทบทวนทางกฎหมายและสำรวจทางเลือกต่างๆสำหรับถอดรายชื่อออกจากบัญชีรายชื่อผู้ที่ถูกคว่ำบาตร ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจเตือนว่ามาตรการคว่ำบาตรเสี่ยงก่อปัญหามหึมาแก่ปรินซ์แบงก์
"บอร์ดบริหารจะแต่งตั้งที่ปรึกษาทางกฎหมายนานาชาติ เพื่อทำการทบทวนมาตรการคว่ำบาตรอย่างครอบคลุม" ถ้อยแถลงระบุ "เราสั่งการให้ฝ่ายบริหารประสานงานกับพวกเจ้าหน้าที่้ต่างๆที่เกี่ยวข้อง คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบ และบรรดาที่ปรึกษา เพื่อคลอดแผนปฏิบัติที่ชัดเจน สำหรับการปลดปรินซ์แบงก์ออกจากบัญชีคว่ำบาตรอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในถ้อยแถลงทางบอร์ดบริหารยืนยันพันธสัญญาที่มีต่อเสถียรภาพและความซื่อสัตย์ของทางธนคาร เน้นย้ำปฏิบัติตามอย่างเข้มงวดต่อกฎระเบียบของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา และกำกับดูแลทุกการดำเนินงาน
"ปรินซ์แบงก์ยังคงปฏิบัติการอย่างเต็มระบบและมีความมั่นคงทางการเงิน เรายังคงแน่วแน่ในภารกิจของเราในการรับใช้ลูกค้า สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชา และยึดมั่นความไว้ใจของประชาชนที่มีต่อธนาคารของเรา" ถ้อยแถลงระบุ พร้อมเน้นย้ำว่าบัญชีเงินฝากและประโยชน์ทางการเงินของลูกค้ายังคงปลอดภัย
เหมง ซึ่งเป็นลูกค้าของปรินซ์แบงก์ มาตั้งแต่ปี 2022 เผยว่าเขาเลือกฝากเงินที่ธนาคารแห่งนี้ เนื่องจากให้ดอกเบี้่ยสูงกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นๆ และไม่เคยเจอปัญหาใดๆ จนกระทั่งสหรัฐฯแถลงคว่ำบาตร
ลูกค้ารายนี้เล่าว่าเขาพยายามโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารอื่น แต่จนถึงตอนนี้ เงินดังกล่าวยังไม่เข้า เขาเน้นว่าปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะกับบัญชีที่เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนบัญชีที่เป็นสกุลเงินเรียลยังคงสามารถทำธุรกรรมได้ตามปกติ
สตีเฟน ฮิกกินส์ ผู้จัดการสถาบัน Mekong Strategic Capital ที่มีสำนักงานใหญ่ในพนมเปญ ให้สัมภาษณ์กับ CamboJA News มองว่ามาตรการคว่ำบาตรกำลังก่อปัญหาให้แก่ปรินซ์แบงก์ "บางทีพวกเขาอาจยังสามารถดำเนินปฏิบัติการต่อไปได้ในส่วนของเงินเรียล แต่มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาในการปฏิบัติการในส่วนของดอลลาร์สหรัฐฯ"
เขาปฏิเสธแสดงความคิดเห็นโดยตรงว่าพวกลูกค้าท้องถิ่นควรถอนเงินของตนเองหรือไม่ แต่พูดเป็นนัยว่า "การเก็บเงินไว้กับธนาคารที่มีชื่อเสียงดี เป็นสิ่งที่ปลอดภัยกว่า" พร้อมเน้นว่าธนาคารต่างๆของกัมพูชา ที่ต้องการคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์กับธนาคารข้ามชาติ อาจพยายามหลีกเลี่ยงคบค้าสมาคมกับปรินซ์แบงก์ โดยเฉพาะการทำธุรกรรมในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
ในขณะที่ปรินซ์แบงก์ เจอปัญหาโอนเงินล่าช้า มีรายงานว่าพวกผู้ใช้อี-วอลเล็ต Huione Pay ได้รุดถอนเงินออกจาสาขาต่างๆในพนมเปญและสีหนุวิลล์
Huione Group บริษัทแม่ของ Huione Pay มี ฮุนโต ลูกพี่ลูกน้องกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เมื่อเร็วๆนี้สหรัฐฯตัด Huione Group ออกจากระบบการเงินเช่นเดียวกับปรินซ์ปรุ๊ป หลังระบุว่าบริษัทแห่งนี้ มีความเสี่ยงสูงสำหรับการฟอกเงิน นอกจากนี้แล้วบริษัทลูกแห่งหนึ่งของพวกเขา ยังถูกให้คำจำกัดความว่าเป็นตลาดออนไลน์ที่ผิดกฎหมายใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
(ที่มา:cambojanews)