xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ใช่ทุกคนเป็นเหยื่อ!แฉเกาหลีหลายรายเต็มใจร่วมสแกมในกัมพูชา รายได้งามเดือนละเกือบ7หมื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมื่อ 3 ปีก่อน หนุ่มสาวเกาหลีใต้จำนวนมากถูกล่อลวงเข้าสู่เครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชา แต่ ณ เวลานี้ พวกเขาทราบดีว่ามันคืออาชญากรรม และเต็มใจเข้าร่วมขบวนการ สืบเนื่องจากเชื่อว่าจะมีรายได้งดงาม

Koreajoongangdaily อ้างอิงคำสัมภาษณ์ของ จอน แด-ซิค รองปะธานสหพันธ์ธุรกิจเกาหลีใต้ในกัมพูชา ซึ่งดำเนินกิจการโลจิสติกส์ในประเทศแห่งนี้มานานกว่า 16 ปี นอกจากนี้แล้ว จอน ยังดำรงตำแหน่งประธานสมาคมเกาหลีใต้ในกัมพูชา ซึ่งระหว่างนั้นเขาใช้เวลาราว 3 ปี ช่วยงานทีมช่วยเหลืออย่างไม่เป็นทางการของเกาหลีใต้ ที่ประกอบด้วยพลเมืองชาวเกาหลีใต้ราวๆ 20 คน โดยคณะทำงานดังกล่าวสามารถช่วยเหลือชาวเกาหลีใต้ออกมาจากเขตล้อมรั้วอาชญากรรมในกัมพูชา ได้กว่า 800 คน มากกว่าครึ่งเกิดขึ้นในปีนี้

ท่ามกลางเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่เพิ่มขึ้น ทาง จอน บอกว่าจำนวนของสิ่งที่เรียกว่า "เหยื่อที่แท้จริง" ดูเหมือนจะลดลงไปแล้ว มีชาวเกาหลีใต้มากขึ้นเรื่อยๆที่เดินทางเข้าไปยังกัมพูชาโดยรู้อยู่เต็มอกว่าพวกเขากำลังเข้าร่วมปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับคอลล์เซ็นเตอร์และต้มตุ๋นหลอกให้รัก

"เราเห็นพวกคนที่ได้รับความช่วยเหลือ กลับมาอีกรอบ" จอนกล่าว "เมื่อเราถามว่าเพราะอะไร พวกเขาบอกว่าเพราะได้เงินดี" ทั้งนี้แม้ไม่ได้ถูกล่อลวงด้วยคำสัญญาได้เงินสูงลิ่ว แต่บางส่วนยังคงข้ามชายแดนไป ด้วยเชื่อว่าการทำงานในศูนย์สแกมเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขามีรายได้กว่า 3 ล้านวอน(เกือบ 7 หมื่นบาท) ในแต่ละเดือน

รายงานข่าวระบุว่าเวลานี้บางส่วนปฏิเสธกลับเกาหลีใต้หลังได้รับความช่วยเหลือ เนื่องจากหวั่นเกรงโดนดำเนินคดีทางกฎหมาย "เราส่งแท็กซี่ไปรับชายคนหนึ่ง และตอนที่เราอธิบายว่าจะพาเขากลับบ้านอย่างไร เขาบอกเราให้รอสักพัก" จอนเล่า "เรารู้ว่าเขาอาจถูกจับในเกาหลีใต้" ต่อมาชายรายนี้ยอมเดินทางกลับและถูกลงโทษจำคุก 3 เดือน โทษฐานที่เกณฑ์คนอื่นๆโดยรู้อยู่ก่อนแล้ว อีก 2 คน เข้าสู่เครือข่ายสแกมเมอร์

นอกจากนี้แล้วยังมีคนอื่นๆที่ปฏิเสธความช่วยเหลือตั้งแต่แรก มีพลเมืองเกาหลีใต้รายหนึ่ง ชื่อปาร์ค เล่าว่า "คนหนุ่มสาวบางส่วน ที่พักอาศัยอยู่ที่นี่ ปฏิเสธเดินทางกลับ แม้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาร้องขอให้พวกเขาเดินทางกลับบ้าน" ส่วนอีกคนนามสกุลจอง ซึ่งให้ความช่วยเหลือชาวเกาหลีใต้ราวๆ 20 คน เผยว่า "เครือข่ายอาชญากรรมไม่ได้ใช้กำลังกักขังผู้คนเสมอไป ในข้อเท็จจริงคือ พวกเขาจ่ายเงินเกณฑ์คนเข้ามา ถ้าพวกผู้ต้องสงสัยแค่ถูกส่งตัวกลับ ไม่ถูกจับกุม ผมพนันได้เลยว่าพวกเขาจะกลับมาที่สนามบินพนมเปญในวันถัดไป"

สวนทางกลับความเชื่อของผู้คนทั่วไป มีรายงานข่าวว่าบางส่วนในนั้นได้รับอนุญาตไปไหนมาไหนได้อย่างเสรีภายในเขตล้อมรั้งวอาชญากรรม ภายใต้เงื่อนไขบางประการ ในเท็จจริง ข่าวลือที่ว่าบางคนมีรายได้สูงมากโดยไม่จำเป็นต้องถูกขังหรือโดนทำร้ายร่างกาย ได้กลายเป็นเรื่องดึงดูดให้คนหนุ่มสาวชาวเกาหลีใต้จองตั๋วเดินทางไปยังกัมพูชา

พนักงานคนหนึ่งในคาสิโน ให้สัมภาษณ์กับ koreajoongangdaily ว่า "ตราบใดที่คุณทำผลงานได้ดี คุณก็สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ แม้กระทั่งชาวเกาหลีใต้ คุณสามารถทำเงินได้หลายสิบล้านวอนต่อสัปดาห์ ครั้งที่คุณเริ่มทำเงินได้มากขนาดนี้ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะกลับไปใช้ชีวิตปกติในเกาหลีใต้"

แม้รู้ดีว่าเสียงร้องขอความช่วยเหลือบางส่วน มาจากพวกที่สมคบคิดก่ออาชญากรรม แต่ทีมช่วยเหลือก็จำเป็นต้องขานรับ "มันเป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะระหว่างเหยื่อที่แท้จริงกับพวกที่เข้าร่วม" จอนกล่าว "เราไม่มีอำนาจทางกฎหมาย ดังนั้นความพยายามอาสาสมัครของเราจึงมีความเสี่ยงอย่างแท้จริง"

อย่างไรก็ตามปัญญาไม่ได้จบหลังจากให้ความช่วยเหลือแล้ว จำนวนมากถูกริบพาสปอร์ต ไม่มีเงินหรือข้าวของต่างๆ ในเรื่องนี้ จอห์น กล่าวต่อว่า "ค่าใช้จ่ายเดินทางกลับประเทศ ต้องออกเองโดยบุคคลนั้นๆ จำนวนมากได้รับความช่วยเหลือจากสมาชิกครอบครัวในเกาหลีใต้ ที่ออกเงินให้พวกเขา แต่ถ้าบุคคลรายหนึ่งๆที่ต้องสงสัยเกี่ยวข้องหรือไม่มีเงิน บางครั้งสมาคมเกาหลีใต้ต้องเข้าแทรกแซง บางคนรับปากจ่ายคืนเราเมื่อเดินทางกลับถึงเกาหลีแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้ทำตามคำสัญญาเสมอไป"

จอน ระบุต่อว่าเวลานี้ยังคงได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือมาจากพวกบุคคลที่เชื่อว่าถูกกักขังอยู่ภายในเครือข่ายสแกมกัมพูชา "ผมไม่คิดว่าจะมีการค้าอวัยวะเหมือนกับในภาพยนตร์ แต่มันเป็นการค้ามนุษย์ " เขากล่าว ยกตัวอย่างเช่นกลุ่มแก๊งในสีหนุวิลล์อาจขายพลเมืองเกาหลีใต้รายหนึ่งๆ ที่ทำผลงานได้ไม่ดี ให้แก่แก๊งอื่นใกล้ชายแดนเวียดนามหรือไทย "ดังนั้น มันทำให้ปฏิบัติการช่วยเหลือของเราทำได้ยากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีตำรวจกัมพูชาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย" เขากล่าว พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดตั้งสำนักงานประสานงานตำรวจเกาหลีใต้ในกัมพูชา

(ที่มา:koreajoongangdaily)


กำลังโหลดความคิดเห็น