xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐกิจจีนขยายตัวแผ่วสุดในรอบปี ฟ้องดีมานด์ภายในซบ-ศึกการค้าระอุ จับตา ‘แผนพัฒนาระยะ 5 ปี’ฉบับใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ท่าเรือหนานจิง ในมณฑลเจียงซู ทางภาคตะวันออกของจีน ในภาพที่ถ่ายเมื่อวันอาทิตย์ (19 ต.ค.) ที่ผ่านมา  ทั้งนี้ จีนเพิ่งรายงานตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 3 ของปีนี้ ว่าอยู่ในมีอัตราเติบโต 4.8% โดยที่การส่งออกพุ่งแรง แต่การบริโภคและการลงทุนยังไม่ดี
เศรษฐกิจจีนไตรมาส 3 ชะลอตัวต่ำสุดในรอบหนึ่งปี ท่ามกลางดีมานด์ในประเทศที่เปราะบางซึ่งทำให้ยังต้องพึ่งพาภาคการผลิตและภาคการส่งออกอย่างมาก ขณะที่การค้าปักกิ่ง-วอชิงตันตึงเครียดหนัก จุดชนวนคำถามว่า จีนจะรับมือคลี่คลายความท้าทายด้านนโยบายเพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจเติบโตไปอย่างยั่งยืนในระยะยาวอย่างไร โดยขณะนี้นักลงทุนกำลังเฝ้าติดตามการประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเรื่องใหญ่ที่หารือกันก็คือแผนพัฒนาระยะ 5 ปีฉบับใหม่

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (เอ็นบีเอส) รายงานในวันจันทร์ (20 ต.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของจีนในไตรมาส 3 (ก.ค.-ก.ย.) ปีนี้ ขยายตัวในอัตรา 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่โตถึง 5.2% ตัวเลขนี้ยังถือเป็นสถิติต่ำสุดในรอบ 1 ปี

ลินน์ ซ่ง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ดูแลจีนและปริมณฑล ของธนาคารไอเอ็นจี ระบุว่า แม้ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า การเติบโตของจีนยังคงอยู่บนเส้นทางสู่เป้าหมาย 5% ของปีนี้ได้ แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและของนักลงทุนยังคงลดลง จึงฉุดรั้งทั้งการบริโภคและการลงทุน รวมทั้งการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำ ยังเป็นปัญหาที่ปักกิ่งต้องหาทางจัดการ

ทั้งนี้ วิกฤตตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงยืดเยื้อ เป็นปัจจัยเพิ่มความกดดันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค จากข้อมูลล่าสุดพบว่า การลงทุนในภาคนี้ลดลง 13.9% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม จีนน่าจะสามารถใช้ข้อมูลนี้โชว์จุดแข็งของเศรษฐกิจตนเองในการเจรจาหารือระหว่างรองนายกรัฐมนตรีเหอ ลี่เฟิง กับสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ซึ่งกำหนดมีขึ้นข้างเคียงการประชุมอาเซียนที่มาเลเซียสัปดาห์นี้ รวมถึงในการประชุมสุดยอดที่อาจเกิดขึ้นตอนสิ้นเดือนนี้ที่เกาหลีใต้ ระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ขณะเดียวกน ข้อมูลการส่งออกที่สดใส ยังตอกย้ำถึงความสามารถของจีนในการหาตลาดใหม่ๆ แทนที่อเมริกา โดยเดือนกันยายนที่ผ่านมายอดส่งออกไปยังอเมริกาลดลง 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว แต่ยอดส่งออกไปสหภาพยุโรป (อียู) เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกาเพิ่มขึ้น 14%, 15.6% และ 56.4% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ตลาดในประเทศที่ซบเซาคือตัวฉุดรั้งธุรกิจแดนมังกร โดยข้อมูลที่ออกมาในวันจันทร์ระบุว่า ยอดค้าปลีกชะลอตัวต่ำสุดในรอบ 10 เดือน

ความตึงเครียดทางการค้ากับอเมริกาที่ปะทุขึ้นมาใหม่ ยังตอกย้ำความเสี่ยงของเศรษฐกิจจีนที่เติบโตแบบไม่สมดุล จากการต้องพึ่งพาการส่งออกอย่างหนัก และกระตุ้นการคาดการณ์ว่า ผู้นำจีนอาจยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เจ็บปวดเพื่อปรับสมดุลการเติบโตซึ่งจะมุ่งเน้นการบริโภคภายในประเทศให้มากขึ้น

ทั้งนี้ แม้การส่งออกของจีนในเดือนก.ย.ฟื้นตัว แต่ตัวเลขหลายๆ ตัวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเสียศูนย์ และความกดดันจากภาวะเงินฝืดยังคงอยู่ แม้มีความพยายามจัดการปัญหาการผลิตล้นตลาดและการแข่งขันที่รุนแรงก็ตาม

ยิ่งไปกว่านั้น ยอดขายต่างแดนที่ไม่รวมอเมริกาของผู้ผลิตจีน ยังต้องแลกมาด้วยศักยภาพการทำกำไรเนื่องจากสงครามราคาที่รุนแรง ซึ่งทำให้ยากต่อการรักษายอดขายในระยะยาวเว้นแต่ความตึงเครียดด้านการค้าบรรเทาลง

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าจีนอีก 100% เริ่มต้นวันที่ 1 พ.ย. อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่า ทั้งสองประเทศมีแนวโน้มมากกว่าที่จะหาทางลดอุณหภูมิความขัดแย้งลง

จับตาแผนพัฒนา5ปี

ในอีกด้านหนึ่ง พวกนักลงทุนยังเฝ้าติดตามการประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ถึงพฤหัสฯ (20-23 ต.ค.) โดยหนึ่งในเรื่องใหญ่ที่กำหนดหารือกัน คือ การอนุมัติแผนพัฒนาระยะ 5 ปีฉบับที่ 15 (ปี 2026-2030) ซึ่งคาดว่า จะให้ความสำคัญกับการผลิตเทคโนโลยีระดับสูง ขณะที่จีนกำลังทำสงครามไฮเทคกับอเมริกาอย่างดุเดือด และความยิ่งใหญ่ทางการทหารและเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของสี

นอกจากนั้นตลาดยังให้ความสนใจการประชุมคณะทำงานส่วนกลางว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจ ที่คาดว่า จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม เพื่อคาดการณ์ทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของจีนสำหรับปีหน้า

(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น