ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กดดันประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนให้ยอมสละดินแดนบางส่วนให้แก่รัสเซียระหว่างการประชุมที่ตึงเครียดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 ต.ค.) ซึ่งทำให้คณะผู้แทนยูเครนผิดหวัง ตามรายงานจากแหล่งข่าวสองคนที่ได้รับฟังการหารือ
ทรัมป์ ยังปฏิเสธที่จะมอบขีปนาวุธโทมาฮอว์กให้ยูเครนใช้งาน และเปรยถึงการให้หลักประกันความมั่นคงแก่ทั้งเคียฟและมอสโก ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่ทำให้คณะผู้แทนยูเครนรู้สึกสับสน
ภายหลังจากการประชุมกับเซเลนสกี ทรัมป์ได้ประกาศเรียกร้องการหยุดยิงตามเส้นแนวรบปัจจุบัน ซึ่งเป็นจุดยืนที่ผู้นำยูเครนยอมรับระหว่างให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว แหล่งข่าวคนที่ 3 เผยว่า ทรัมป์ยื่นข้อเสนอนี้ระหว่างการประชุมหลังจากที่ เซเลนสกี พูดว่า เขาจะไม่ยอมยกดินแดนใดๆ ให้กับมอสโกโดยสมัครใจ
แหล่งข่าวคนที่ 3 กล่าวว่า "การประชุมจบลงด้วยการตัดสินใจของ (ทรัมป์) ที่จะ 'ทำข้อตกลง ณ จุดที่เรายืนอยู่ บนเส้นแบ่งเขต'"
ทรัมป์ ย้ำจุดยืนดังกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์ (19)
“เราคิดว่าสิ่งที่พวกเขาควรทำคือหยุดอยู่แค่แนวรบที่พวกเขาอยู่” ทรัมป์ กล่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน “ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องยากมากที่จะเจรจา หากคุณจะพูดว่า ‘คุณเอาอันนี้ เราเอาอันนั้น’”
เมื่อถูกถามว่า เขาได้บอก เซเลนสกี หรือไม่ว่ายูเครนต้องยกพื้นที่ดอนบาสทั้งหมดให้กับรัสเซีย? ทรัมป์ ตอบว่าไม่ "ปล่อยให้มันถูกตัดไปแบบที่เป็นอยู่เถอะ ตอนนี้มันถูกแบ่งไปแล้ว ผมคิดว่า 78% ของพื้นที่ถูกยึดครองโดยรัสเซียแล้ว" ทรัมป์ ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวรอยเตอร์
"ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปก่อน พวกเขาสามารถ...เจรจาอะไรกันได้ในภายหลัง"
โดยภาพรวมแล้ว แม้จะไม่ใช่หายนะสำหรับยูเครน ทว่าการหารือในวันศุกร์ (17) กลับสร้างความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัดสำหรับเซเลนสกี ผู้ซึ่งหวังจะโน้มน้าวให้ ทรัมป์ จัดหาขีปนาวุธโทมาฮอว์กพิสัยไกลที่สามารถโจมตีลึกเข้าไปในรัสเซียให้กับรัฐบาลของเขา
รองประธานาธิบดี เจ.ดี แวนซ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อคืนวันอาทิตย์ (19) ว่า ทรัมป์ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะส่งขีปนาวุธโทมาฮอว์กที่พร้อมใช้งานให้ยูเครนหรือไม่
ทำเนียบประธานาธิบดียูเครนยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับการเจรจา ซึ่งถูกตีแผ่ครั้งแรกโดยสื่อไฟแนนเชียลไทมส์เมื่อวันอาทิตย์ (19)
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมามีข้อบ่งชี้ว่า ทรัมป์กำลังลดความสำคัญของการผลักดันข้อตกลงระหว่างเคียฟและมอสโก และเลือกให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่ ยกตัวอย่างเช่นหลังจากที่พบกับ เซเลนสกี ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในเดือนก.ย. ทรัมป์ก็ออกมาคาดการณ์ว่า ยูเครนอาจสามารถ "ยึดดินแดนทั้งหมด" ที่เสียให้กับรัสเซียกลับคืนมาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่แม้แต่เคียฟก็ยังมองว่าไกลเกินเอื้อม
อย่างไรก็ตาม ผลการประชุมวันศุกร์ (17) บ่งชี้ว่าทรัมป์ อาจกำลังผลักดันข้อตกลงโดยเร็วที่สุดอีกครั้ง แม้จะอยู่ในเงื่อนไขที่เคียฟไม่พอใจก็ตาม
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หยิบยกความเป็นไปได้ของการแลกเปลี่ยนดินแดนระหว่างยูเครนและรัสเซียขึ้นมาหลายครั้ง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ ทรัมป์ เคยยอมรับในช่วงต้นปี และเขาก็เอ่ยระหว่างการประชุมวันศุกร์ (17) ว่า ข้อตกลงที่รวดเร็วคือสิ่งจำเป็น ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว
“มันค่อนข้างแย่” แหล่งข่าวคนหนึ่งเล่าถึงผลการประชุม “สาร (ของทรัมป์) คือ ‘ประเทศของคุณจะถูกแช่แข็ง และประเทศของคุณจะถูกทำลาย’” หากยูเครนยังไม่ยอมทำข้อตกลงกับรัสเซีย
แหล่งข่าวอีกรายหนึ่งปฏิเสธว่า ทรัมป์ ไม่ได้พูดว่ายูเครนจะ “ถูกทำลาย” แต่ทั้งสองคนยอมรับตรงกันว่า ทรัมป์ใช้คำพูดหยาบคายหลายครั้ง
แหล่งข่าวทั้งสองเชื่อว่า ทรัมป์ น่าจะถูกเป่าหูมาไม่น้อยจากการโทรศัพท์คุยกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเมื่อวันพฤหัสบดี (16) ซึ่งหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า ปูตินได้เสนอให้มีการแลกเปลี่ยนดินแดน โดยยูเครนจะยกดินแดนโดเนตสก์และลูฮันสก์เพื่อแลกกับการได้คืนพื้นที่เล็กๆ ในซาปอริซเซียและเคียร์ซอน
แหล่งข่าวคนหนึ่งบอกว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้เสนอกับ เซเลนสกี ให้ยอมแลกเปลี่ยนดินแดนดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ (17)
ชาวยูเครนมองว่าแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์เห็นมีคุณค่าในเชิงยุทธศาสตร์ และการสละดินแดนดังกล่าวจะทำให้ส่วนที่เหลือของยูเครนเสี่ยงต่อการรุกรานของรัสเซียมากขึ้น ขณะที่แหล่งข่าวคนหนึ่งชี้ว่า การสละดินแดนโดเนตสก์ตะวันตกและลูฮันสก์จะเท่ากับเป็นการ "ฆ่าตัวตาย"
แหล่งข่าวสองรายระบุว่า สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้ที่เรียกร้องให้ยูเครนยอมรับข้อเสนอการแลกเปลี่ยนของรัสเซียอย่างแข็งกร้าวที่สุด โดย วิตคอฟฟ์ กล่าวว่า โดเนตสก์และลูฮันสก์มีประชากรที่พูดภาษารัสเซียเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาเคยพูดต่อสาธารณชนมาก่อนแล้ว
ในวันพฤหัสบดี (16) ก่อนการพบปะกับเซเลนสกี ทรัมป์ กล่าวว่าเขาจะพบกับ ปูติน ที่กรุงบูดาเปสต์ในเร็วๆ นี้
ด้านผู้ช่วยของทำเนียบเครมลินออกมาแถลงหลังจากนั้นว่า มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และ เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย จะพูดคุยกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมสุดยอด
ที่มา: รอยเตอร์