พวกเจ้าหน้าที่ในไทยและสิงคโปร์ ต้องรุดตรวจสอบกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในเครือ "ปรินซ์กรุ๊ป" ของกัมพูชา หลังจากสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรกำหนดมาตรการคว่ำบาตรประธานบริษัทดังกล่าว ตามข้อกล่าวหาฉ้อโกงและฟอกเงิน ตามรายงานข่าวของเซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์
เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์ รายงานอ้างคำกล่าวของตำรวจโท สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระบุว่าพวกเจ้าหน้าที่ของไทยจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ในการตรวจสอบกระบวนการอายัดทรัพย์และการดำเนินคดีทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป
รายงานข่าวระบุว่า ตำรวจสิงคโปร์ก็กำลังตรวจสอบคดีนี้เช่นกัน และอยู่ระหว่างติดต่อประสานงานกับพวกเจ้าหน้าที่ในประเทศอื่นๆ กองกำลังตำรวจสิงคโปร์ระบุในถ้อยแถลงสรุปเมื่อวันเสาร์(18ต.ค.)
เฉิน จื้อ ประธานปรินซ์กรุ๊ป ถูกกล่าวหาโดยสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร(14ต.ค.) ว่าควบคุม "อาณาจักรฉ้อโกงทางออนไลน์อันใหญ่โตมโหฬาร" ความเคลื่อนไหวอันนำมาซึ่งการอายัดทรัพย์ในรูปแบบของเหรียญบิตคอยน์มูลค่าราวๆ 15,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนในสหราชอาณาจักร รัฐบาลเผยว่าได้ทำการอายึดทรัพย์สิน 19 แห่งที่เกี่ยวข้องกับ เฉิน เช่นกัน ในนั้นรวมถึงอาคารชุดสำนักงานมูลค่า 100 ล้านปอนด์(ราว 134 ล้านดอลลาร์) และแมนชั่นหรู 12 ล้านปอนด์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของลอนดอน
นอกจากนี้แล้ว เฉินและคนใกล้ชิดของเขา เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งสำนักงานธุรกิจครอบครัวแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ ในปี 2018 ซึ่งอ้างว่าเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากคณะผู้คุมกฎระเบียบทางการเงิน ก่อนหน้านี้หน่วยงานรัฐบาลสิงคโปร์แห่งนี้ เผยว่ากำลังตรวจสอบว่ามีการล่วงละเมิดใดๆ ต่อข้อบังคับของพวกเขาหรือไม่
คำกล่าวหาที่มีต่อบริษัทปรินซ์กรุ๊ป กระตุ้นให้พวกเจ้าหน้าที่และบริษัทต่างๆ ในสิงคโปร์ ทบทวนความสัมพันธ์ทางการเงินกับบริษัทแห่งนี้
ในส่วนของไทย เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์ รายงานอ้างหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ระว่าทีมสืบสวนของไทยจะพยายามหาข้อสรุปว่าทรัพย์สินที่ถูกอายัดนั้นมีความเกี่ยวข้องต่อการกระทำผิดภายในประเทศหรือไม่
ถ้าพบความเชื่อมโยง รัฐบาลจะเรียกคืนและอายัดทรัพย์สินเหล่านั้นผ่านการประสานทางการทูต และเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมระบุว่าทางกระทรวงยุติธรรมของไทยอาจเดินหน้าดำเนินคดีกับพวกผู้สมคบคิดแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์และฟอกเงิน
ปรินซ์กรุ๊ป ที่ถูกเรียกขานว่าเป็นองค์กรอาชญากรรม ถูกสหรัฐฯกล่าวหาว่าดำเนินธุรกิจฉ้อโกงหลอกหลวง โดยมีศูนย์กลางอยู่ในกัมพูชาและใช้แรงงานบังคับ ภายใต้การบัญชาการของเฉิน
(ที่มา:เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์)