เกาหลีใต้เรียกร้องผ่านเวทีสหประชาชาติให้มีการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ครั้งใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังพบว่ามีพลเมืองเกาหลีถูกบังคับให้ทำงานและก่ออาชญากรรมเพิ่มขึ้นอย่างมากตามแหล่งสแกมเมอร์ในกัมพูชา
คิม ซังจิน รองเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำสหประชาชาติ ชี้แจงประเด็นนี้ท่ามกลางความกังวลของสาธารณชนเกี่ยวกับอาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งรวมถึงการค้ามนุษย์ การบังคับกักขัง และการทำร้ายร่างกาย ซึ่งกระทำโดยกลุ่มหลอกลวงในกัมพูชาที่พุ่งเป้าไปยังพลเมืองเกาหลีใต้
เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนได้ลุกลามขึ้นหลังมีการพบศพนักศึกษาชาวเกาหลีใต้เมื่อช่วงต้นเดือน ส.ค. ที่ศูนย์สแกมเมอร์บริเวณภูเขาพนมโบกโกในจังหวัดกำปอตของกัมพูชา
“วันนี้ผมขอหยิบยกประเด็นการค้ามนุษย์ขึ้นมาหารือ และขอให้ประเทศสมาชิกและกลไกสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ รวมถึงคณะกรรมการชุดนี้ ให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องต่อภัยคุกคามที่ร้ายแรงและต่อเนื่องของการค้ามนุษย์” คิม กล่าวในวันพฤหัสบดี (16) ระหว่างการเสวนาเชิงโต้ตอบในการประชุมคณะกรรมการชุดที่ 3 ของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ
“อาชญากรรมนี้มีความเกี่ยวพันกับอาชญากรรมข้ามชาติรูปแบบใหม่ๆ ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น เช่น การหลอกลวงทางออนไลน์ ดังจะเห็นได้จากจำนวนเคสที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเร็วๆ นี้ซึ่งพุ่งเป้าไปที่พลเมืองของสาธารณรัฐเกาหลีและประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องมีความร่วมมือระหว่างประเทศที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น” คิม กล่าวเสริม
เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีพลเมืองจำนวนมากตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์เพื่อวัตถุประสงค์ในการบังคับใช้แรงงานและกระทำความผิดทางอาญาตามสถานที่หลอกลวงต่างๆ ทั่วกัมพูชา ตามข้อมูลจากสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
ในการประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็น คิม ได้เน้นย้ำว่า "การเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ถือเป็นการละทิ้งความรับผิดชอบร่วมกันของเรา ซึ่งจะทำให้ผู้คนได้รับอันตรายที่จะส่งผลกระทบไปตลอดชีวิต การหายตัวไป และแม้กระทั่งการเสียชีวิตของเหยื่อจำนวนนับไม่ถ้วน"
รัฐบาลประธานาธิบดี อี แจ มยอง ได้เพิ่มความพยายามเป็น 2 เท่าในการแก้ไขปัญหาชาวเกาหลีใต้ตกเป็นเหยื่อข้อเสนองานปลอม จนถูกหลอกล่อและถูกบังคับให้ดำเนินการฉ้อโกงทางออนไลน์ หรือช่วยเหลือในการกระทำความผิดทางอาญา
เขาได้ส่งคณะทำงานร่วมของรัฐบาล ซึ่งนำโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คิม จีนา และ พัก ซอง-จู หัวหน้าสำนักงานสอบสวนแห่งชาติ เดินทางไปกัมพูชาอย่างเร่งด่วนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (15)
คณะผู้แทนเกาหลีใต้ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต และ ชัย ซินาริธ หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ซึ่งมี ฮุน มาเนต นั่งเป็นประธาน และยังได้ไปเยือนหนึ่งในศูนย์หลอกลวงหลายแห่งในจังหวัดตาแก้ว
ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ระบุว่า รายงานชาวเกาหลีใต้ที่ขาดการติดต่อหรือถูกกักตัวหลังเดินทางเข้ากัมพูชาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากเพียง 2 กรณีในปี 2021 เป็น 11 กรณีในปี 2022, 21 กรณีในปี 2023, 221 กรณีในปี 2024 และจนถึงเดือน ส.ค. ปีนี้มีรายงานมากถึง 330 กรณี
ในจำนวนนี้มีเคสคนหายประมาณ 260 เคสในปีนี้และ 210 เคสในปีที่แล้วที่ได้รับการแก้ไข หลังจากสามารถยืนยันที่อยู่ของผู้สูญหายได้ ขณะที่ยังคงมีประมาณ 80 เคสที่อยู่ระหว่างติดตามค้นหาในเดือน ส.ค. เนื่องจากยังไม่สามารถยืนยันที่อยู่
อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์เตือนว่า จำนวนเหยื่อชาวเกาหลีที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้มาก
หน่วยข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ประเมินว่า อาจมีชาวเกาหลีใต้มากกว่า 1,000 คนทำงานอยู่ตามศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา แม้จะยังไม่ได้รับการยืนยันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางอาญาหรือไม่ก็ตาม
ที่มา : The Korea Herald