ชาวเกาหลีใต้กำลังยกเลิกโปรแกรมท่องเที่ยววันหยุดไม่ใช่แค่กับกัมพูชา แต่ยังรวมไปถึงเหล่าชาติเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นไทย, เวียดนามและลาว ผลจากการที่รัฐบาลประกาศแบนด้านการเดินทางและรายงานข่าวกรณีที่บรรดาเพื่อนร่วมชาติถูกลักพาตัว ค้ามนุษย์และเข่นฆ่าโดยแก๊งอาชญากรรมในภูมิภาค
ชายคนหนึ่งนามสกุลซง เปิดเผยกับ Korea JoongAng Daily ว่าเขายกเลิกโปรแกรมเดินทางไปออกรอบกอล์ฟกับเพื่อนๆในพนมเปญในเดือนธันวาคม "น่าเสียดายที่ต้องเสียค่ายกเลิก แต่ผมไม่อาจพาตัวเองออกไปยังกัมพูชาได้แล้วในตอนนี้"
ความกังวลมีมากขึ้น ตามหลังรายงานข่าวเมื่อเร็วๆนี้เกี่ยวกับการพบศพนักศึกษามหาวิทยาลัยชาวเกาหลีใต้รายหนึ่ง ในจังหวัดกำปอต เมื่อเดือนสิงหาคม เจ้าหน้าที่บอกว่าเขาตายเพราะหัวใจวายเฉียบพลัน หลังถูกทรมานภายในเขตล้อมรั้วแห่งหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการสแกมทางออนไลน์
ในประชาคมออนไลน์ได้แชร์ข้อมูลสถานการณ์การท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยหนึ่งในนั้นเขียนว่า "ฉันมีแผนพาลูกๆไปยังนครวัดเพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ แต่สำหรับตอนนี้ ฉันคงจะต้องยกเลิกแผนดังกล่าวแล้ว
ความเคลื่อนไหวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันพุธ(15ต.ค.) เกาหลีใต้ออกประกาศแบนการเดินทางเยือนบางพื้นที่ของกัมพูชา ที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการสแกม "พื้นที่ภูเขาโบกอร์ในจังหวัดกำปอต, เมืองเบเวตและเมืองปอยเปต ถูกกำหนดให้เป็นเขตห้ามเดินทาง" กระทรวงการต่างประเทศระบุในถ้อยแถลง
"ชาวเกาหลีใต้ที่เดินทางเยือนหรือพำนักในพื้นที่เหล่านี้อาจถูกลงโทษ พเราะฉะนั้นพลเมืองที่มีแผนเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว ได้รับคำแนะนำอย่างหนักแน่นให้ยกเลิกโปรแกรมการเดินทาง"
คำเตือนด้านการเดินทางนี้มีขึ้นหลังจากตัวเลขอย่างเป็นทางการคาดการณ์ว่ามีชาวเกาหลีใต้ราวๆ 1,000 ราย ในบรรดาผู้นเกือบ 200,00 คน ที่ถูกบังคับให้ทำงานในเขตล้อมรั้วสแกมทั่วกัมพูชา
อย่างไรก็ตามกระแสแบนไม่ได้จำกัดวงอยู่แค่ในกัมพูชาเท่านั้น เวลานี้พวกนักเดินทางพยายามหลีกเลี่ยงไปยังพื้นที่อื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นกัน ในฐานะดินแดนซึ่งมีความเป็นไปได้ที่กิจกรรมอาญาลักษณะดังกล่าวจะแทรกซึมไปถึง
ปาร์ค ยุง-วู พนักงานวัย 46 ปี ให้สัมภาษณ์กับ Korea JoongAng Daily ว่าเขาและครอบครัวยกเลิกโปรแกรมเดินทางไปพักผ่อนในเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ท่ามกลางข่าวลือว่าแก๊งอาชญากรรมกำลังย้ายจากกัมพูชาไปเวียดนาม
เขากล่าวว่า "ผมกำลังมีแผนเดินทางไปพร้อมกับลูกๆในวัยประถมและมัธยม แต่ความปลอดภัยเป็นประเด็นความกังวลสำคัญในตอนนี้ เรากำลังคิดเกี่ยวกับเกาะเชจูหรือญี่ปุ่นแทน"
ตำรวจบอกกับสำนักข่าวโคเรียเฮรัลด์ ในวันพุธ(15ต.ค.) ว่าพวกเขากำลังสืบสวนเหตุเสียชีวิตของผู้หญิงชาวเกาหลีใต้รายหนึ่ง ที่ถูกพบศพในเวียดนามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ใกล้ชายแดนกัมพูชา
คดีของเธอเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์กัมพูชา หลังจากชาวเกาหลีใต้อีกคน ซึ่้งหลบหนีออกมาได้หลังถูกบังคับทำงานในฐานะผู้ถือบัญชีม้า อ้างว่าเธอถูกกักขังที่โรงแรมท้องถิ่นแห่งหนึ่ง มาเป็นเวลานานแล้ว
มีความกังวลแบบเดียวกันกับลาวโผล่ขึ้นมาเช่นกัน โดยผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์รายหนึ่งโพสต์ว่า "ฉันตั้งใจจะไปลาวในเดือนมกราคม แต่ตอนนี้ฉันกังวลอย่างมาก มีคนมากมายเหลือเกินที่กำลังยกเลิก"
เมื่อเดือนพฤษภาคม องค์กรไม่แวงหาผลกำไร "ศูนย์ทรัพยากรธุรกิจและสิทธิมนุษยชน" รายงานว่ามีเหยื่อค้ามนุษย์หลายรายถูกพาไปยังลาว บังคับให้ทำงานวันละ 17 ชั่วโมง ในเขตล้อมรั้วสแกมเมอร์
Korea JoongAng Daily รายงานว่ารัฐบาลท้องถิ่นและกลุ่มพลเมืองต่างก็ลดระดับหรือยกเลิกแผนเดินทางไปท่องเที่ยวกัมพูชาเช่นกัน ในขณะที่รัฐบาลจังหวัดคย็องกี เรียกทีมงานอาสาสมัคร 34 คนของทูตเยาวชนด้านโลกร้อนกลับประเทศก่อนกำหนด จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 28 ตุลาคม
ส่วนรัฐบาลเมืองซูวอนและอินชอน เช่นเดียวกับสมาคมแรงงานคย็องกี ต่างระดับโครงการอาสาสมัครในกัมพูชาของพวกเขาทั้งหมด
บริษัททัวร์ทั้งหลายในกรุงโซล เริ่มสัมผัสได้ถึงผลกระทบแล้ว โดยหนึ่งในนั้น บริษัทนำเที่ยวเล็กๆแห่งหนึ่งที่มีความเชี่ยวชาญด้านทัวร์กัมพูชา เปิดเผยกับ Korea JoongAng Daily ว่าธุรกิจพังครืนแล้ว ณ ขณะนี้ "เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เป็นช่วงไฮซีซั่น ดังนั้นเราควรได้รับการสำรองตั๋วแล้ว" พนักงานรายหนึ่งเผย
"ทว่านับตั้งแต่มีข่าวปรากฏออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไม่มีการจองเข้ามาแม้แต่รายเดียว แม้กระทั่งคนจองตั๋วแล้วก็ยังโทรเข้ามาสอบถามถึงความปลอดภัย และเราง่วนอยู่กับความพยายามรับประกันกับพวกเขาว่าพื้นที่ท่องเที่ยวเหล่านั้น ยังมีความปลอดภัย" พนักงานรายนี้เผย
(ที่มา:เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์/Korea JoongAng Daily)