เวเนซุเอลาในวันจันทร์(13ต.ค.) สั่งปิดสถานทูตในกรุงออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์ ไม่กี่วันหลังจาก มาเรีย โครินา มาชาโด ผู้นำฝ่ายค้าน ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
ในถ้อยแถลงของรัฐบาลเวเนซุเอลา ไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรางวัลของโมชาโด โดยอ้างว่าการปิดสถานทูตเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างด้านบริการต่างประเทศ
นอกจากนี้แล้ว เวเนซุเอลา ยังปิดสถานทูตในออสเตรเลีย แล้วหันมาเปิดสำนักงานด้านการทูตในซิมบับเวและบูร์กินาฟาโซแทน ในขณะที่การารัส มองประเทศทั้ง 2 ว่าเป็น "หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในการต่อสู้กับแรงกดดันของพวกที่มีอิทธิพลเหนือกว่า" ถ้อยแถลงระบุ
กระทรวงการต่างประเทศนอร์เวย์ในวันจันทร์(13 ต.ค.) ยืนยันเช่นกันว่า เวเนซุเอลา ได้ปิดสถานทูตในออสโล โดยไม่ให้ให้เหตุผลใดๆ "มันน่าเสียใจ แม้เรามีความเห็นต่างในหลายประเด็น แต่นอร์เวย์ปรารถนาคงการเปิดกว้างทางการทูตกับเวเนซุเอลา และจะเดินหน้าทำงานไปในทิศทางนี้" โฆษกระบุ
ความเคลื่อนไหวของเวเนซุเอลา มีขึ้น 3 วันหลังจาก มาชาโด คว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ตามการประกาศของคณะกรรมการโนเบลของนอร์เวย์
เธอถูกขัดขวางจากการลงสมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี 2024 ซึ่ง นิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะ แม้ต้องเผชิญกับการประท้วงของฝ่ายต่อต้าน
เมื่อวันอาทิตย์(12ต.ค.) มาดูโร กล่าวถึง มาชาโด วัย 58 ปี โดยไม่ได้พาดพิงถึงรางวัลโนเยลที่เธอได้รับ ว่าเป็น "แม่มดปีศาจ" คำที่ทางรัฐบาลใช้บ่อยครั้ง
ยอร์เกน วัตเน ฟริดเนส ประธานคณะกรรมการโนเบลนอร์เวย์ในออสโล กล่าวว่า มาชาโด ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ "จากการทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในการส่งเสริมสิทธิตามระบอบประชาธิปไตยสำหรับประชาชนชาวเวเนซุเอลา และจากการที่เธอพยายามบรรลุการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ จากเผด็จการสู่ประชาธิปไตย"
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศนอร์เวย์ เน้นย้ำว่า "รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เป็นอิสระจากรัฐบาลนอร์เวย์"
ในส่วนของ มาชาโด เธออุทิศรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพที่ได้รับให้กับ "ประชาชนที่ทนทุกข์ทรมานในเวเนซูเอลา และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่สนับสนุนอย่างแข็งขันต่อเหตุผลของเรา"
เมื่อค่ำคืนวันจันทร์(13ต.ค.) เธอเรียกร้องให้เปิดการสืบสวน หลังนักเคลื่อนไหวเวเนซุเอลา 2 คนถูกยิงได้รับบาดเจ็บในกรุงโบโกตา เมืองหลวงของโคลอมเบีย พร้อมชี้ว่าทั้ง 2 คน ถูกตามประหัตประหารโดยเผด็จการ นิโคลัส มาดูโร
(ที่มา:เอเอฟพี)