เอเจนซีส์/เอพี/เอเอฟพี – ทหารอเมริกันเดินทางถึงอิสราเอลวันเสาร์(11 ต.ค)ร่วมกองกำลังนานาชาติเฝ้าจับตาร่วมกับกองกำลังนานาชาติหลังข้อตกลงหยุดยิงเริ่มบังคับใช้ส่งผลทำให้ทหาร IDF บางส่วนถอนกำลังออกไป ด้านลูกสาว-ลูกเขยทรัมป์ขึ้นเวทีกรุงเทลอาวีฟเรียกร้องให้ชาวอิสราเอลเตรียมรับตัวประกันกลับบ้านตามสัญญาแต่ฮามาสยังไม่รับปากยอมวางอาวุธ
หนังสือสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์รายงานวันเสาร์(11 ต.ค)ว่า พลเรือตรีแบรด คูเปอร์ (Brad Cooper)ผู้บัญชาการกองกำลังกลางกองทัพสหรัฐฯ CENTCOM แถลงว่า
“ลูกชายและลูกสาวของอเมริกาในเครื่องแบบได้ตอบเสียงเรียกร้องต่อการส่งมอบสันติภาพในตะวันออกกลางเพื่อสนับสนุนทิศทางของประธานาธิบดีสหรัฐฯในครั้งประวัติศาสตร์นี้”
และเสริมต่อว่า “ความพยายามที่ยิ่งใหญ่จะประสบความสำเร็จโดยที่ไม่มีทหารอเมริกันอยู่ในพื้นที่กาซา” ที่หมายถึงคำมั่นสัญญาจากผู้บัญชาการทหารสหรัฐฯว่าจะไม่มีทหารอเมริกันเคลื่อนกำลังเข้าไปกาซาซ้ำรอยทหารอิสราเอลในอดีต
ทั้งนี้กองกำลังทหารสหรัฐฯนั้นจะไม่เดินทางเข้าเขตฉนวนกาซา แต่จะอยู่ร่วมกับกองกำลังนานาชาติจากอียิปต์ กาตาร์ และตุรกี เพื่อจัดการความตรึงเครียดใดๆร่วมกับอิสราเอล
ซึ่งจากหน้าที่ตามข้อตกลงสันติภาพกาซาของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ที่ต้องการทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีความรุนแรงหรือการโจมตีทันทีจากอีกฝ่ายทั้งจากอิสราเอลหรือฮามาสที่ได้ลงนามข้อตกลงสันติภาพกาซานี้
เดอะการ์เดียนของอังกฤษชี้ว่า หน้าที่ของทหารอเมริกันราว 200 นายที่เข้ามาในอิสราเอลเพื่อช่วยตัวประกันและเฝ้าจับตาข้อตกลงการหยุดยิง
โดยผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางกองทัพสหรัฐฯขณะที่อยู่ในเขตฉนวนกาซาวันเสาร์(11)ร่วมกับผู้แทนพิเศษสหรัฐฯประจำตะวันออกกลาง สตีฟ วิตคอฟฟ์(Steve Witkoff) เพื่อหารือการมีเสถียรภาพหลังสงครามกาซา พลเรือเอกคูเปอร์แถลงผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า เขาเพิ่งเดินทางกลับมาจากเขตฉนวนกาซาในการสร้างศูนย์ประสานงานพลเรือน-กองทัพภายใต้การทำของ CENTCOM สหรัฐฯที่จะมีหน้าที่เพื่อรักษาเสถียรภาพ
ขณะเดียวกันกลุ่มติดอาวุธฮามาสแถลงกับเอเอฟพีในวันเสาร์(11)ว่า จะไม่ยอมวางอาวุธตามข้อตกลงของทรัมป์และไม่มีการต่อรองใดๆ
“ข้อเสนอให้ต้องยอมมอบอาวุธออกมานั้นไม่สามารถกระทำได้และไม่ต่อรอง”
ทั้งนี้ทรัมป์ได้ชี้ว่า ประเด็นการที่ฮามาสต้องยอมวางอาวุธจะเกิดขึ้นในเฟส 2 ของแผนการสันติภาพกาซา
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์รายงานต่อว่า ศูนย์ประสานงานภายใต้การควบคุมของ CENTCOM สหรัฐฯเพื่อจะทำให้การบรรเทาทุกข์สามารถเริ่มกลับมาได้อีกครั้งสู่ชาวปาเลสไตน์ที่คาดว่าสิ่งของบรรเทาทุกข์จะเริ่มต้นส่งเข้ากาซาได้ครั้งแรกในวันเสาร์(11)
ขณะเดียวกันวันคืนวันเสาร์(11)ที่กรุงเทลอาวีฟ ผู้แทนพิเศษสหรัฐฯ วิตคอฟฟ์ บุตรสาวประธานาธิบดีสหรัฐฯ อิวองกา ทรัมป์ และสามี จาเรด คุชเนอร์ ที่เมื่อไม่นานมานี้ผงาดในฐานะโบร๊กเกอรคนสำคัญในการเจรจาสันติภาพได้ประกาศต่อหน้าประชาชนอิสราเอลหลายหมื่นคนที่พร้อมใจโบกธงชาติสหรัฐฯและธงชาติอิสราเอลรวมไปถึงการปรากฎของป้ายขนาดใหญ่ที่มีข้อความว่า "รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพแก่โดนัลด์ ทรัมป์"
อิวองกาได้กล่าวกับฝูงชนที่มีความสุขที่จะได้เห็นบุคคลอันเป็นที่รักกลับคืนมาที่ต่างตะโกนสุดเสียงว่า “ขอบคุณทรัมป์” ว่า
“คืนนี้ในขณะที่พวกเรารวมตัวกันอยู่ที่นี่ในกรุงเทลอาวีฟ พวกเราขอยกย่องความแข็งแกร่งของทุกครอบครัวที่เฝ้ารอ ภาวนา และเชื่อมั่น” บุตรสาวทรัมป์กล่าวโดยโยงไปถึงตัวประกันและเสริมว่า “ประธานาธิบดีสหรัฐฯต้องการให้ดิฉันได้กล่าวว่า เขาพร้อมไปกับพวกท่านเป็นจำนวนมากอย่างเป็นการส่วนตัวที่เขามองเห็นพวกคุณ เขาได้ยินพวกคุณ เขายืนอยู่กับพวกคุณตลอดเวลา ตลอดเวลา”
นิวยอร์กโพสต์รายงานว่า เชื่อว่ามีตัวประกันทั้งหมด 48 คนที่ยังอยู่ในมือของฮามาส ที่มี 20 คนเชื่อยังคงมีชีวิต
ตามการรายงานของเอพีระบุว่า การแลกเปลี่ยนตัวประกันฮามาสและนักโทษปาเลสไตน์จากเรือนจำอิสราเอลจะเริ่มขึ้นในวันจันทร์(13) แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อียิปต์ 2 คนและแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ฮามาสเปิดเผยถึงแม้อาจมีเจ้าหน้าที่คนอื่นชี้ว่า การแลกเปลี่ยนสามารถเกิดขึ้นได้เร็วสุดตั้งแต่คืนวันอาทิตย์(12)
บีบีซีของอังกฤษรายงานวันเสาร์(11)ว่า ภายใต้ข้อตกลงฮามาสมีเวลาจนกระทั่ง 12:00 น. ของวันจันทร์(13)เพื่อที่จะปล่อยตัวประกันอิสราเอลทั้งหมดรวมไปถึงศพ 28 คนที่เสียชีวิตและอีก 20 คนที่ยังมีชีวิต
พยานในพื้นที่กาซาเปิดเผยว่า กองกำลังทหารอิสราเอลได้กลับออกไปจากชานเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของกาซาซิตีมุ่งหน้าสู่ทางตะวันออก
ในทางใต้มีกองกำลังอิสราเอลบางส่วนมีรายงานถอยห่างจากพื้นที่ข่านยูนิส