ธนาคารโลก(เวิลด์แบงก์) เมื่อวันอังคาร(7ต.ค.) เรียกร้องบรรดาชาติเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ในนั้นรวมถึงกัมพูชา ยกระดับการลงทุนในด้านทักษะที่จำเป็นต่อการทำงาน การสร้างงานและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อหลีกเลี่ยง "หลุมพรางการค้า" และความยากจนขัดสนที่สาหัสขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ในรายงานอัพเดทล่าสุด ด้านเศรษฐกิจของภูมิภาค ทางเวิลด์แบงก์ ระบุว่าการเติบโตทางจีดีพีของเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก(EAP) ยังคงเหนือกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก แต่คาดการณ์ว่าจะชะลอตัวในปี 2025 และอีกครั้งในปี 2026
รายงานอ้างว่าแม้ตัวเลขค้าปลีกเพิ่มขึ้น แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงห่างไกลจากระดับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 การเติบโตทางภาคอุตสาหกรรมไม่อาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่อ่อนแอลง และการดีดตัวขึ้นของภาคการส่งออก กำลังเผชิญกับคำสั่งซื้อที่ลดน้อยถอยลง สืบเนื่องจากเพดานภาษีที่สูงขึ้น
"การเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออก ที่เป็นเศรษฐกิจเน้นการส่งออกโดยใช้แรงงานอย่างเข้มข้น ช่วยฉุดผู้คนหลายพันล้านคนหลุดพ้นจากความขัดสนในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา แต่เวลานี้ในภูมิภาคกำลังเผชิญความท้าทายควบคู่กัน นั่นคือการคุ้มครองทางกาารค้าและการใช้เครื่องจักรในการทำงาน" อาดิตยา แมตทู หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลก ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าว พร้อมแนะนำว่าการปฏิรูปสภาพแวดล้อมทางธูรกิจและยกระดับการศึกษา จะช่วยเพิ่มโอกาสและศักยภาพ
รายงานของเวิลด์แบงค์ระบุว่าแรงงานจำนวนมากในทั่วภูมิภาค ในนั้นรวมถึง 8 ชาติอาเซียน ยังคงอยู่ในภาคงานที่มีผลิตภาพต่ำและแรงงานนอกระบบ ขณะที่กลุ่มคนอ่อนแอกำลังดำดิ่งสู่ภาวะขัดสนมากขึ้นเรื่อยๆ เวลานี้ในเกือบทุกประเทศ มีจำนวนแซงหน้ากลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลางไปเรียบร้อยแล้ว
ในส่วนแนวโน้มทางเศรษฐกิจของกัมพูชา ทางเวิลด์แบงก์ได้ปรับลดการเติบโตเหลือ 4.0% ในปีนี้ จากระดับ 5.5% ตามที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน หรือราว 1 เดือนเศษ ก่อนหน้าเปิดศึกพิพาทด้านเขตแดนกับไทย ตัวเลขดังกล่าวถือว่าลดลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับการเติบโตระดับ 5.4% ในปี 2024 และห่างไกลจากระดับรายปี 7.0% ที่ทางสหประชาชาติบอกว่ามีความจำเป็นสำหรับชาติด้อยพัฒนา ในเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
ระหว่างเผยแพร่รายงาน แมตทู เน้นย้ำว่ากำลังมีความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ จากการขยายขอบเขตรีดภาษีของสหรัฐฯที่นำโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์โลกในวงกว้าง
"กัมพูชามีศักยภาพมากมายและได้ประโยชน์อย่างมาจากการเปิดกว้าง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังติดอยู่ในกับดักทางการค้า" เขากล่าว ชี้ว่าประเทศแห่งนี้เอาแต่พึ่งการส่งออกเสื้อผ้าโดยแรงงานไร้ทักษะ
เพดานภาษีการส่งออกของกัมพูชาไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกเสื้อผ้าใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของกัมพูชา เมื่อเร็วนี้ถูกปรับลงเหลือ 19% จากระดับ 49% และ 36% ก่อนหน้านี้ ที่ถูกกำหนดขึ้นในช่วงต้นของสงครามการค้าของทรัมป์
หลังจากมีความกังวลเบื้องต้น ก่อนเพดานภาษีจะถูกปรับลดลงสู่ระดับที่สามารถแข่งขันได้มากกว่าเดิม การส่งออกเสื้อผ้า รองเท้าและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง (GFT)และจักรยาน ของกัมพูชา ได้กลับมาฟื้นตัว แต่ แมตทู เตือนว่าปีหน้าจะเป็นปีที่สาหัสสากรรจ์กว่าเดิม ทั้งนี้ในอุตสาหกรรม (GFT) ของกัมพูชา มีแรงงานเกือบ 1 ล้านคน
ธนาคารโลกเน้นว่าเครื่องจักรกำลังเข้ามายกเครื่องตลาดแรงงานในภูมิภาค ที่อาจเข้ามาแทนที่แรงงานไร้ฝีมือ พร้อมระบุขณะเดียวกันชาวกัมพูชาจำนวนมากก็กำลังประสบปัญหาในงานนอกระบบเช่นกัน
ทั้งนี้อ้างข้อมูลจากองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ พบว่าแรงงานกัมพูชามากกว่า 88% เป็นแรงงานนอกระบบ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างจำกัด
ตามหลังเหตุปะทะกับไทยช่วงสั้นๆในเดือนกรกฏาคม มีแรงงานกัมพูชาอย่างน้อยๆ 900,000 คน ที่เดินทางกลับประเทศ อ้างอิงจากการคาดการณ์ของรัฐบาลพนมเปญ
ในขณะที่แรงงานบางแห่งยกระดับดูดซับแรงงานที่ไหลบ่ากลับมาเหล่านั้น แต่ทาง Vorn Pao ประธานสมาคมประชาธิปไตยเสรีของเศรษฐกิจไม่เป็นทางการแห่งกัมพูชา(IDEA) เตือนว่าประเทศแห่งนี้อาจเผชิญกับภาวะตึงเครียดทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม หากว่าไม่มียกระดับแรงงานสู่แรงงานฝีมือ
เขาชี้ว่ากัมพูชาขาดแคลนบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อย่างเช่นพวกผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์ ซึ่งบรรดาประเทศเพื่อนบ้านที่มีอุตสาหกรรมทั้ง 2 อย่างนี้ สามารถดึงดูดเงินลงทุนจากบรรดาบริษัทชั้นนำของโลกได้โดยตรง
(ที่มา:cambojanews)