อเมริกาเผชิญปัญหาเที่ยวบินดีเลย์เป็นวันที่ 3 ในวันพุธ (8 ต.ค.) เนื่องจากเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศจำนวนมากขึ้นเลือกลาป่วยแทนการออกไปทำงานโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากมาตรการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่คณะบริหารทรัมป์กับพรรครีพับลิกัน ยังไม่มีวี่แววว่าจะตกลงรอมชอมกับพรรคเดโมแครต ทั้งนี้ ในวันพุธนี่เอง วุฒิสมาชิกเดโมแครตได้โหวตคว่ำญัตติร่างงบประมาณฉุกเฉินรอบที่ 6
การชัตดาวน์หรือการที่หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ปิดทำการชั่วคราว ย่างเข้าสู่วันที่ 8 ในวันพุธ ทำให้มีแนวโน้มว่า จะมีผู้โดยสารตกค้างในสนามบินพาณิชย์ต่างๆ ในอเมริกาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากแม้ตามกฎหมาย พวกเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศถือเป็นหน่วยงานจำเป็นอย่างหนึ่งที่ยังคงต้องทำงานแม้อยู่ในภาวะชัตดาวน์ ทว่ามีรายงานว่าเจ้าหน้าที่จำนวนมากขึ้นเลือกยื่นใบลาป่วยแทนการไปทำงานโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน และเรื่องนี้ได้ส่งผลต่อการปฏิบัติงานของหน่วยงานนี้แล้ว
องค์การบริหารการบินแห่งชาติ (เอฟเอเอ) เผยว่า ได้รับรายงานปัญหาการขาดแคลนพนักงานในสนามบินต่างๆ เกือบ 12 แห่ง จากชิคาโกและบอสตัน ไปจนถึงเบอร์แบงก์และฮิวสตัน และคาดว่า ปัญหานี้จะลุกลามต่อไปที่ นวร์ก ซึ่งเป็นฮับใหญ่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณนิวยอร์กซิตี้
ด้าน ฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีคมนาคมสหรัฐฯ เรียกร้องผ่านซีเอ็นเอ็นเมื่อวันพุธให้เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศไปทำงานตามปกติ หลังจากตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงต้นสัปดาห์นี้มีการลาป่วยเพิ่มขึ้น พร้อมยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ที่ไปทำงานจะได้รับเงินเดือนในท้ายที่สุด
ดัฟฟีเสริมว่า อัตราส่วนการเลื่อนเที่ยวบินโดยเป็นผลจากปัญหาเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มขึ้นเป็น 53% แล้ว เมื่อเทียบกับแค่ราว 5% ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ไฟลต์อะแวร์ ซึ่งเป็นกลุ่มติดตามความเคลื่อนไหวด้านการบิน เผยว่า มีการเลื่อนเที่ยวบินประมาณ 10,000 เที่ยวในวันจันทร์และอังคาร (6-7 ต.ค.)
เอฟเอเอเตือนว่า แม้ตัวเลขดังกล่าวไม่ถือว่า สูงมากผิดปกติ แต่สถานการณ์อาจเลวร้ายลง เนื่องจากมีการขาดแคลนเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นทั่วทั้งระบบ ซึ่งอาจส่งผลให้เอฟเอเอต้องชะลอการเดินทางในสนามบินบางแห่งเพื่อความปลอดภัย
อันที่จริง แม้กระทั่งก่อนการชัตดาวน์ครั้งนี้ อเมริกาก็เผชิญปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศอยู่แล้วมานานกว่าทศวรรษด้วยซ้ำ โดยปัจจุบัน เอฟเอเอมีเจ้าหน้าที่ทำงานนี้น้อยกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ถึง 3,500 คน เจ้าหน้าที่จำนวนมากต้องทำงานล่วงเวลาและทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน
สำหรับความหวังที่การชัตดาวน์รอบนี้จะสิ้นสุดลงได้โดยเร็วนั้น ยังดูริบหรี่เต็มที โดยในวันพุธ ส.ว.พรรคเดโมแครตในสภาสูงยังคงโหวตคัดค้านร่างกฎหมายงบประมาณฉบับฉุกเฉินชั่วคราว ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 6 แล้ว เนื่องจากร่างดังกล่าวที่เสนอโดยรีพับลิกันยังไม่ครอบคลุมการขยายมาตรการช่วยเหลือด้านสุขอนามัยให้แก่ประชาชน 24 ล้านคนตามข้อเรียกร้องของฝ่ายตน
เวลาเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ยังคงขู่ไม่เลิกว่า หากการชัตดาวน์ยืดเยื้อออกไปอีก พวกลูกจ้างพนักงานรัฐบาลกลาง 750,000 คนที่ต้องพักงานอยู่เวลานี้ จำนวนมากอาจถูกเลิกจ้างเป็นการถาวรไปเลย
ขณะที่ร่างบันทึกช่วยจำซึ่งเผยแพร่ในทำเนียบขาวสัปดาห์นี้ระบุว่า ลูกจ้างพนักงานที่ถูกพักงาน ไม่ได้รับการประกันว่า จะได้รับเงินชดเชยในภายหลังสำหรับช่วงเวลาที่ไม่ได้ทำงานนี้
มีรายงานว่า ตั้งแต่วันศุกร์ (10) ยังจะมีลูกจ้างพนักงานรัฐบาลกลางจำนวนมากขึ้น ซึ่งรวมถึงตำรวจรัฐสภา จะไม่ได้รับค่าตอบแทนในการปฏิบัติงานบางส่วนเป็นครั้งแรก
แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นอีกคาดว่าจะเกิดขึ้นในวันพุธหน้า (15 ต.ค.) เมื่อทหารที่อยู่ระหว่างประจำการปกติ 1.3 ล้านนาย ซึ่งรวมถึงสมาชิกกองกำลังรักษาชาติ (เนชั่นแนลการ์ด) หลายหมื่นนายและเจ้าหน้าที่ยามฝั่งอีกหลายพันคน จะไม่ได้รับค่าตอบแทนเป็นครั้งแรก
(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์/เอพี)