เอเจนซีส์ – อินเดียมีรายงานผลักดันรัฐบาลอังกฤษให้เพิ่มโควตาวีซ่าแรงงานทักษะสูงอินเดียมากขึ้นในระหว่าง 2 ประเทศกำลังเจรจาสนธิสัญญาการค้าที่ได้มีการลงนามไปเมื่อกรกฎาคมก่อนหน้า ข่าววีซ่าเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ กำลังเดินทางไปเจรจาการค้ากับนายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ที่เมืองมุมไบ
ดิอินดีเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานวันพุธ(8 ต.ค)ว่า ในระหว่างอยู่บนเครื่องบินเดินทางไปเมืองมุมไบ อินเดีย สำหรับการเยือนแดนภารตะด้านการค้าเป็นเวลา 2 วันพร้อมกับซีอีโอธุรกิจกว่า 100 คน ผู้นำอังกฤษกล่าวยืนยันว่า การเพิ่มโควตาวีซ่าแรงงานทักษะสูงอินเดียในการเข้ามาทำงานในอังกฤษ “ไม่อยู่ในแผน” ในข้อตกลงการค้ากับอินเดียและสถานการณ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
มีรายงานว่านิวเดลีพยายามผลักดันให้ลอนดอนเพิ่มโควตาแรงงานอินเดียในระหว่าง 2 ประเทศกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้าเมื่อช่วงต้นของปี
“ปัญหาไม่ใช่เกี่ยวข้องกับวีซ่า มันเกี่ยวกับ..การเกี่ยวข้องและการลงทุนและงานและความมั่งคั่งมาสู่อังกฤษ” สตาร์เมอร์แถลงต่อนักข่าว
อ้างอิงจากบีบีซี สตาร์เมอร์ในอินเดียได้เปิดเผยว่า ไม่มีนักธุรกิจอินเเดียรายใดที่เขาพบได้เอ่ยปากเกี่ยวกับโควตาวีซ่าแรงงานอินเดีย
แต่เป็นการเยือนอินเดียเกี่ยวกับการเปิดโอกาสสำหรับธุรกิจอินเดียที่จะได้ประโยชน์ของข้อตกลงการค้าอังกฤษ-อินเดียที่มีการลงนามไว้เมื่อกรกฎาคมที่เพิ่งผ่านมาหลังการเจรจาต่อรองนานหลายปี
ที่ซึ่งหมายความว่ารถอังกฤษจะถูกลงในการส่งไปขายที่อินเดีย และสิ่งทออินเดียและอัญมณีอินเดียจะมีราคาต่ำลงเมื่อส่งมาอังกฤษที่เป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มมูลค่าทางการค้าหลายพันล้านปอนด์ บีบีซีรายงาน
ดิอินดีเพนเดนท์ยังชี้ต่อว่า และนายกฯอังกฤษยังย้ำต่อว่า เมื่อมาถึงประเด็นวีซ่า บรรดารัฐมนตรีกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะทำการลงโทษประเทศที่ปฎิเสธไม่ยอมรับตัวพลเมืองที่โดนเนรเทศออกจากอังกฤษหรือไม่
รัฐบาลอังกฤษกำลังพิจารณาว่าสมควรที่จะมีความเชื่อมโยงระหว่างวีซ่าและข้อตกลงการส่งตัวกลับ(returns agreement)หรือไม่ เขากล่าวโดยย้ำว่านี่จะไม่ใช้กับอินเดียเพราะอังกฤษและอินเดียมีสนธิสัญญาการส่งตัวพลเมืองแดนภารตะที่โดนเนรเทศกลับไปกรุงนิวเดลีแล้ว
ดิอินดีเพนเดนท์ยังรายงานต่อว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษยังให้คำมั่นที่จะลดจำนวนสุทธิการเข้าอังกฤษโดยเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ต้องลดตัวเลขการเข้าเมืองถูกกฎหมายและผิดกฎหมายจากพรรค Reform UK ของไนเจล ฟาราจ(Nigel Farage) เพื่อนทรัมป์และคิมี บาเดน็อค (Kemi Badenoch) จากพรรคคอนเซอร์เวตีฟอังกฤษ
สตาร์เมอร์ยังตกอยู่ภายใต้ความกดดันให้ต้องหาข่าวดีทางเศรษฐกิจในการไปเยือนอินเดีย ท่ามกลางข่าวแพร่สะพัดถึงการคาดการณ์ว่ารัฐมนตรีคลังอังกฤษ ราเชล รีฟส์ (Rachel Reeves) จะเพิ่มภาษีในงบประมาณพฤศจิกายนนี้
ความพยายามกดดันให้อังกฤษเปิดวีซ่าแรงงานทักษะสูงเพิ่มสำหรับอินเดียหลังเดือนที่แล้วประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งขึ้นค่าธรรมเนียมสำหรับวีซ่า H-1B ไปอยู่ที่ 100,000 ดอลลาร์/คน สร้างความตกตะลึงให้กับโมดีที่มีพลเมืองอินเดียซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเป็นจำนวนมากทำงานอยู่ในบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯทั้ง กูเกิล ไมโครซอฟท์ และแอปเปิล หลังทำเนียบขาวลงโทษอินเดียในการซื้อน้ำมันรัสเซียด้วยอัตราภาษีสหรัฐฯ 50% และล่าสุดเพิ่มค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B โดยบีบีซีของอังกฤษได้รายงานเมื่อวันที่ 20 ก.ย ว่า อินเดียเป็นชาติที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากวีซ่า H-1B ของสหรัฐฯ
ทั้งนี้สตาร์เมอร์ยกย่องข้อตกลงการค้าอังกฤษ-อินเดียที่บรรลุได้เมื่อฤดูร้อนนี้ที่ถือเป็นสปริงบอร์ดสำหรับการเติบโตในการเยือนทางการค้าใหญ่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแดนผู้ดี


