xs
xsm
sm
md
lg

สัญญาณดี! ว่าที่นายกฯหญิงคนแรกของญี่ปุ่น จะสามารถกระตุ้นให้เศรษฐกิจแดนอาทิตย์อุทัยฟื้นคืนชีพ?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ไนเจล กรีน


พวกนักลงทุนพากันดันราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นพุ่งสูง ด้วยความคาดหวังว่า ซานาเอะ ทากาอิจิ ผู้เพิ่งได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้นำคนใหม่ของพรรคลิเบอรัลเดโมเครติกปาร์ตี้ (LDP) แกนนำคณะรัฐบาลในปัจจุบัน และดังนั้นจึงเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะนำพาเศรษฐกิจของประเทศชาติให้กลับเข้าสู่ความคึกคักมีชีวิตชีวา
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ https://asiatimes.com/2025/10/takaichi-trade-signals-belief-in-a-japanese-revival/)

‘Takaichi trade’ signals belief in a Japanese revival
by Nigel Green
06/10/2025

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นทะยานขึ้นอย่างคึกคัก ด้วยความคาดหวังว่า ซานาเอะ ทากาอิจิ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศ จะผลักดันการใช้จ่ายด้านการคลัง, ประคับประคองอัตราดอกเบี้ยต่ำเอาไว้, และชุบชีวิตให้ภาคอุตสาหกรรมเงยหน้าผงาดขึ้นมาได้อีกครั้ง

บรรดานักลงทุนทั่วโลกต้องมานั่งเฝ้าหน้าจอกันเมื่อวันจันทร์ (6 ต.ค.) ขณะที่ตลาดญี่ปุ่นพุ่งพรวดขึ้นมาอย่างคึกคัก

ดัชนีหุ้นนิกเกอิ 225 ของตลาดหลักทรัพย์โตเกียวทะยานขึ้น 4.5% เข้าสู่พื้นที่แห่งการ
ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนตัวลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับสัญลักษณ์สำคัญ 150 เยนแลกได้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภายหลังจาก ซานาเอะ ทากาอิจิ คว้าชัยชนะในการแข่งขันชิงตำแหน่งผู้นำของพรรคลิเบอรัลเดโมเครติกปาร์ตี้ (Liberal Democratic Party หรือ LDP) ที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาลผสมชุดปัจจุบัน ทำให้เธออยู่บนเส้นทางที่จะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น

ปฏิกิริยาของตลาดการเงินคราวนี้เกิดขึ้นมาอย่างฉับพลันทันทีและชัดเจนทรงพลัง มันยังไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องที่เกิดขึ้นในโตเกียวเท่านั้น หากแต่เป็นเรื่องระดับโลก เงินทุนเกิดการเคลื่อนย้าย, อารมณ์ความรู้สึกเกิดการพลิกตัว, และพวกเทรดเดอร์เริ่มพิจารณาปรับเปลี่ยนทัศนะของพวกเขาเกี่ยวกับอนาคตทางเศรษฐกิจของเอเชียกันใหม่ ข้อความที่ปรากฏออกมานั้นโด่ดเด่นชนิดไม่มีทางอ่านผิด นั่นคือ ญี่ปุ่นกำลังกลับมาแล้วอย่างคึกคักแข็งขันหลังจากเอื่อยเฉื่อยอ่อนแรงมายาวนาน

ชัยชนะของ ทากาอิจิ กลายเป็นชนวนทำให้เกิดสิ่งที่ตลาดการเงินทั้งหลายกำลังเรียกกันว่า “Takaichi trade” (การซื้อขายอย่างคึกคักในตลาดการเงินยุคทาเกอิจิ) –ซึ่งหมายถึงความเชื่อที่ว่าคณะรัฐบาลของเธอจะอัดฉีดพลังงานใหม่ๆ เข้าไปในการใช้จ่ายทางการคลัง, การรักษาแรงกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (Bank of Japan แบงก์ชาติของญี่ปุ่น) ต้องรักษานโยบายผ่อนปรนทางการเงินเอาไว้ต่อไป และการผลักดันให้การฟื้นชีพทางอุตสาหกรรมอย่างใหญ่โตกว้างขวางเดินแน่วไปข้างหน้า

การพุ่งพรวดของราคาหุ้น และการอ่อนตัวลงของค่าเงินเยน คือสัญญาณอันชัดเจนที่สุดซึ่งเห็นได้ในตอนนี้ ว่าประเทศเจ้าของระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกแห่งนี้กำลังได้รับการประเมินคุณค่ากันใหม่

พวกหุ้นของบริษัททางด้านอุตสาหกรรมและพวกที่เกี่ยวข้องกับด้านกลาโหม เป็นตัวนำการไต่สูงอย่างคึกคักในวันจันทร์ (6 ต.ค.) ยัสกาวา อิเล็กทริก (Yaskawa Electric) กระโจนพรวดกว่า 20% เจแปน สตีล เวิร์กส์ (Japan Steel Works) ดีดขึ้น 14%, และ มิตชูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรีส์ (Mitsubishi Heavy Industries) เพิ่มสูงขึ้น 13% นี่คือคำแถลงแสดงความเชื่อมั่นในพวกภาคเศรษฐกิจซึ่งคาดหมายกันว่าจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากภาครัฐ และจากการใช้แบบแผนเชิงยุทธศาสตร์มากยิ่งขึ้นสำหรับผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ

หลังจากระยะเวลาหลายปีของอัตราเงินเฟ้อต่ำสุดๆ และค่าจ้างแรงงานที่แทบไม่ยอมขยับไปไหน ประเทศนี้กำลังมาถึงจุดพลิกผันอย่างเงียบๆ ระบบเศรษฐกิจที่ ทากาอิจิ ได้รับมรดกตกทอดมา คือเศรษฐกิจซึ่งสามารถหลุดพ้นออกมาจากเงื้อมมือของภาวะเงินฝืดได้แล้วในท้ายที่สุด ทว่ามันยังคงห่างไกลจากการเกิดโมเมนตัมที่จะหล่อเลี้ยงตัวเองให้อยู่ในสภาพมีชีวิตชีวา

การตอบสนองของเธอมองดูแล้วน่าจะเป็นไปอย่างห้าวหาญ กล่าวคือ มีการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐกันมากขึ้น, มีการจับมือเป็นหุ้นส่วนกับภาคอุตสาหกรรมสูงขึ้น, และมีการเชื่อมโยงระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับภาวะหยุ่นตัวระดับชาติอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

นี่คือเครื่องหมายแห่งการหวนกลับมาอย่างเด็ดขาดชัดเจนของการใช้ยุทธศาสตร์ทางอุตสาหกรรม มันเป็นคู่มือการเล่นที่พวกระบบเศรษฐกิจชั้นนำของโลกจำนวนมากกำลังปัดฝุ่นนำออกมาใช้กันอยู่ในเวลานี้ สหรัฐฯนั้นมีรัฐบัญญัติการลดอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) ยุโรปมี ข้อตกลงสีเขียว (Green Deal) และแรงขับดันเพื่อกลับมาลงทุนในด้านกลาโหมกันอีกครั้งหนึ่ง

ในเวอร์ชั่นของญี่ปุ่นนั้น น่าที่จะปักหลักอยู่ในเรื่องอุตสาหกรรมการผลิต, ความมั่นคงทางพลังงาน, และการมีอำนาจอธิปไตยทางเทคโนโลยี

สำหรับพวกที่กำลังสังเกตการณ์จากต่างแดนแล้ว การก้าวผงาดขึ้นมาอีกคำรบหนึ่งของญี่ปุ่นเป็นเรื่องทรงความสำคัญ เพราะมันสอดคล้องเข้ากับแนวโน้มของการจับกลุ่มรวมตัวกันใหม่ในระดับโลกในขนาดขอบเขตที่ใหญ่โตกว้างขวางออกไป ชาติต่างๆ กำลังแข่งขันกันไม่ใช่เพียงแค่ในเรื่องผลิตภาพเท่านั้น แต่ยังแข่งขันกันในเรื่องวัตถุประสงค์ นั่นคือ การลงทุนอย่างมียุทธศาสตร์ในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จะเป็นตัวนิยามจำกัดความอำนาจทางเศรษฐกิจในยุคสมัยหน้า

โลกดูเหมือนกับว่า กำลังเข้าสู่ยุคของการสร้างความเจริญเติบโตแบบผ่านการไตร่ตรองอย่างสุขุมรอบคอบ แทนที่จะมาจากการผลักดันอย่างเปิดเสรีมือใครยาวสาวได้สาวเอา การตกลงมาอย่างแรงของค่าเงินเยนคราวนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัวอย่างที่กล่าวมานี้แหละ มันสะท้อนให้เห็นความคาดหวังที่ว่า ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นจะยังคงรักษานโยบายที่ทำให้มีสภาพคล่องอย่างอุดมสมบูรณ์ไหลเข้าสู่ระบบการเงิน เวลาเดียวกับที่การใช้แรงกระตุ้นจูงใจทางการคลังก็เร่งตัวแรงยิ่งขึ้น

การที่สกุลเงินตราอ่อนตัวลงนั้น ขณะที่ต้องถือว่าเป็นเรื่องอ่อนไหวในทางการเมือง แต่มันก็จะสามารถช่วยเหลือฟื้นฟูความมีชีวิตชีวาให้แก่เครื่องจักรส่งออกของญี่ปุ่น และกลับมาตอกย้ำความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของแดนอาทิตย์อุทัยในภาคเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูง อย่างเช่น เซมิคอนดักเตอร์, เทคโนโลยีหุ่นยนต์, และเทคโนโลยีด้านรถยนต์

ตลาดพันธบัตรก็กำลังมีการตอบสนองเช่นเดียวกัน อัตราผลตอบแทน (yield) ของพวกพันธบัตรประเภทระยะยาวต่างขยับสูงขึ้น ขณะที่พวกเทรดเดอร์คำนวณราคาโดยให้น้ำหนักกับปัจจัยคาดหมายว่าจะมีการใช้จ่ายอย่างหนักมือยิ่งขึ้น เรื่องนี้กำลังทำให้เส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร (yield curve) อยู่ในลักษณะตั้งชันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณแรกๆ ของการที่เศรษฐกิจแดนอาทิตย์อุทัยกำลังเคลื่อนตัวหลุดออกมาจากภาวะชะงักงัน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคุณสมบัติที่ขึ้นชื่อลือชาของมัน การมีความรู้สึกสำนึกถึงความเคลื่อนไหว หลังจากผ่านระยะเวลาที่มีแต่ความอ่อนล้าหมดแรงทางนโยบายมาหลายสิบปี เป็นสิ่งที่แทบจะสำคัญพอๆ กับตัวความเคลื่อนไหวต่างๆ เองทีเดียว

แต่สิ่งที่กำหนดให้เวลาช่วงขณะนี้แตกต่างออกไปจากเมื่อก่อนอย่างแท้จริง คือมิติทางภูมิรัฐศาสตร์ของมัน เป็นที่คาดหมายกันอย่างกว้างขวางว่า ทากาอิจิ จะเดินหน้าผลักดันการจับกลุ่มรวมตัวกับสหรัฐฯอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นทั้งในทางยุทธศาสตร์และในทางเศรษฐกิจ –ไม่ใช่เพียงแค่ในด้านกลาโหมเท่านั้น แต่ยังในด้านพลังงาน, ความมั่นคงทางไซเบอร์, และอุตสาหกรรมการผลิตระดับก้าวหน้าอีกด้วย

การมีจุดเน้นร่วมกันในเรื่องความหยุ่นตัวและความมั่นคงเช่นนี้ จะกลายเป็นสิ่งที่ปรับเปลี่ยนโฉมหน้าของเศรษฐกิจระดับภูมิภาคต่อไปอย่างยาวนานหลายสิบปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน มันก็ทำให้ญี่ปุ่นอยู่ในตำแหน่งที่จะเป็นเสาหลักแห่งเสถียรภาพเสาหนึ่ง ในช่วงเวลาของการที่ทั่วโลกเกิดการแบ่งแยกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ มากขึ้นเรื่อยๆ

ตรงนี้ การที่ญี่ปุ่นมีความมั่นอกมั่นใจอย่างใหญ่โตกว้างขวางยิ่งกว่าเดิมมากก็เป็นเรื่องที่มีบทบาทสำคัญ แดนอาทิตย์อุทัยกำลังส่งสัญญาณให้เห็นว่าตนต้องการที่จะเป็นผู้นำอีกครั้งหนึ่ง บริษัทต่างๆ ของญี่ปุ่นกำลังแข็งแรงขึ้น, ธรรมาภิบาลภาคบริษัทของพวกเขามีการปรับปรุงยกระดับสูงขึ้นแล้ว, และพวกผู้วางนโยบายของแดนอาทิตย์อุทัยก็ดูเหมือนมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะนำเอาการลงทุนเข้าไปในพวกอุตสาหกรรมที่จะเป็นตัวนิยามจำกัดความอนาคต เรื่องนี้เมื่อบวกเข้ากับเจตนารมณ์ทางการคลังและการปฏิรูปเชิงสถาบัน มันก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทรงพลังอย่างยิ่ง

เป็นเวลานานเกินไปแล้ว ที่พวกตลาดทั่วโลกปฏิบัติต่อญี่ปุ่นในฐานะเป็นแหล่งน้ำนิ่งที่ให้ผลตอบแทนต่ำและมีอัตราเติบโตต่ำ นั่นคือมีความน่าเชื่อถือพึ่งพาอาศัยได้ ทว่าไม่ได้สร้างแรงจูงใจใดๆ ความรับรู้เข้าใจเช่นนี้กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแล้ว

สิ่งที่เรากำลังมองเห็นกันอยู่ในตอนนี้คือ ระบบเศรษฐกิจที่โตเต็มที่แล้วรายหนึ่ง กำลังค้นพบความทะเยอทะยานของตนเองอีกครั้งหนึ่ง ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในตลาดเงินทุนทั่วโลกเวลานี้ คือการสะท้อนถึงการยอมรับว่าทิศทางก้าวเดินของญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว

แน่นอนทีเดียว ขนาดขอบเขตของความท้าทายที่ญี่ปุ่นยังจะต้องเผชิญ เป็นเรื่องซึ่งไม่ควรที่จะประเมินให้ต่ำกันจนเกินไป ระดับหนี้สินต่างๆ ยังคงสูงมาก, โครงสร้างทางประชากรยังอยู่ในภาวะตกต่ำเสื่อมถอย, และการสร้างสมดุลอย่างปราณีตละเอียดอ่อนระหว่างอัตราเงินเฟ้อกับเสถียรภาพ จะกลายเป็นบททดสอบทักษะความสามารถของพวกผู้วางนโยบาย

อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นได้เคยเผชิญกับพวกลมปะทะเชิงโครงสร้างมาก่อนแล้ว –และมีเกียรติประวัติในด้านความเฉลียวฉลาดทางเทคโนโลยีและวินัยด้านการส่งออกอย่างชนิดยากที่ใครๆ จะทัดเทียม สิ่งที่แตกต่างออกไปสำหรับคราวนี้ก็คือเจตนารมณ์ทางการเมือง

ทากาอิจิ นำเอาความชัดเจนทางความคิดอุดมการณ์เข้ามาในสมการ เป็นความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะใช้พวกเครื่องมือทางการคลังในเชิงรุก และเจตนาที่จะนำเอาความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจมาผูกโยงเข้ากับความมั่นคงแห่งชาติ การผสมผสานกันเช่นนี้ก่อให้เกิดพลังซึ่งสามารถที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง

การพุ่งพรวดของราคาหุ้นและการอ่อนค่าของเงินเยน เป็นเพียงสัญญาณเริ่มเปิดตัวของการปรับเปลี่ยนเช่นนี้เท่านั้น สิ่งที่ติดตามมาอาจจะเป็นการฟื้นชีพทางอุตสาหกรรมในช่วงเวลาที่ยาวนานยิ่งขึ้น และการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบที่ขับดันโดยนโยบาย ซึ่งจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งของญี่ปุ่นเสียใหม่ ณ ใจกลางแห่งสถาปัตยกรรมทางเศรษฐกิจของเอเชีย

ความเคลื่อนไหวต่างๆ ของตลาดในเวลานี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าที่ว่า ญี่ปุ่นมีความพรักพร้อมแล้วที่จะนำด้วยความมั่นอกมั่นใจ –ที่จะใช้จ่าย, ที่จะสร้างสรรค์, และที่จะแข่งขัน” คำว่า “Takaichi trade” คือคำย่อของเรื่องเล่าที่มีขอบเขตกว้างไกลยิ่งกว่านั้นมาก มันคือการหวนกลับมาของญี่ปุ่นในฐานะที่เป็นพลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่แค่เป็นพลังในตลาดการเงินเท่านั้น หากแต่ยังเป็นพลังในการปรับเปลี่ยนโฉมหน้าความเจริญเติบโตของทั่วโลกในอนาคตอีกด้วย

ไนเจล กรีน เป็นซีอีโอและผู้ก่อตั้งกลุ่มเดอเวียร์ (deVere Group) หนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและองค์การด้านเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) อิสระรายใหญ่ที่สุดของโลก เขาเขียนเรื่องให้เอเชียไทมส์อย่างสม่ำเสมอมานานปี
กำลังโหลดความคิดเห็น