xs
xsm
sm
md
lg

ส่งขีปนาวุธ‘โทมาฮอว์ก’ให้ยูเครนใช้เล่นงานรัสเซีย? สหรัฐฯต้องตระหนักว่าไอเดียนี้‘อันตรายสุดๆ’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สตีเฟน ไบรเอน


ขีปนาวุธร่อน AGM-109 โทมาฮอว์ก แบบยิงจากอากาศ ติดตั้งอยู่ที่ใต้ปีกเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B-52 ของสหรัฐฯ
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ https://asiatimes.com/2025/09/tomahawks-for-kiev-a-dangerous-idea/)

Tomahawks for Kyiv: a dangerous idea
by Stephen Bryen
30/09/2025

รัสเซียจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ถึงขนาดไหนเมื่อถูกสหรัฐฯยั่วยุโดยตรง เป็นเรื่องที่ควรต้องประเมินกันอย่างระมัดระวังก่อนที่วอชิงตันจะเสี่ยงทำให้เกิดสงครามที่ขยายวงกว้างขวางยิ่งขึ้นในยุโรปขึ้นมา

สหรัฐฯกำลังทำท่าจะ “ขาย” ขีปนาวุธร่อน (cruise missile) แบบ โทมาฮอว์ก (Tomahawk) ให้ยูเครน คีธ เคลล็อกก์ (Keith Kellogg) นายพลเกษียณอายุ ที่เป็นผู้แทนพิเศษของสหรัฐฯดูแลเรื่องยูเครน ระบุว่าเรื่องนี้เดินมาไกลจนถึงขั้นที่ว่ากำลังรอคอยการตัดสินใจในขั้นสุดท้ายเท่านั้น ทั้งนี้ เคลล็อกก์บอกว่า สหรัฐฯได้ตกลงเห็นชอบแล้วให้ยูเครนสามารถเปิดการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย และเวลานี้มีแต่เรื่องการเปิดทางให้ โทมาฮอว์ก เข้าไปอยู่ในมือของเคียฟเท่านั้นซึ่งยังรั้งรอกันอยู่ โดยเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ขณะที่ในวอชิงตัน กรณีนี้อาจจะถูกถือว่าเป็นเรื่องที่มีข้อเท็จจริงต่างๆ ชัดเจนอยู่แล้วจึงสามารถตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย กระนั้นมันก็ยังคงไม่สามารถลดทอนการวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าการตัดสินใจเช่นนี้เป็นการกระทำอย่างสะเพร่าขาดความสุขุมและจะทำให้ปัญหาบานปลายขยายตัว เนื่องจากมันจะนำเอาสหรัฐฯเข้าไปอยู่บนเส้นทางที่จะต้องชนปะทะโดยตรงกับรัสเซีย เป็นเส้นทางที่สามารถนำไปสู่สงครามในยุโรป

ขีปนาวุธร่อน โทมาฮอว์ก ตั้งแต่แรกเดิมทีเดียวมีความมุ่งหมายเพื่อให้ไตรภาคอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ (nuclear triad) มีระบบอาวุธที่สามารถประสบความสำเร็จในการส่งหัวรบนิวเคลียร์เข้าไปโจมตีสหภาพโซเวียต แนวความคิดก็คือการสร้างระบบซึ่งการป้องกันทางอากาศของโซเวียตแทบไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะตอบโต้ทัดทาน หลังจากเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพวกเครื่องบินทิ้งระเบิดตามแบบแผนธรรมดา –โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องบิน B-52 –ไม่สามารถปฏิบัติการได้จากความสูงระดับสูงมากๆเหนือดินแดนโซเวียต

(ไตรภาคอาวุธนิวเคลียร์ หรือ nuclear triad คือโครงสร้างกำลังอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ ที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีปยิงจากภาคพื้นดิน land-based intercontinental ballistic missiles หรือ ICBMs , ขีปนาวุธทิ้งตัวยิงจากเรือดำน้ำ submarine-launched ballistic missilesหรือ SLBMs, และขีปนาวุธทิ้งตัว หรือลูกระเบิดนิวเคลียร์ ปล่อยจากเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ strategic bombers เมื่อขยายความให้กว้างออกไป บางครั้งสามารถที่จะหมายถึงกองกำลังอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งตั้งฐานบนภาคพื้นดิน, ทะเล, และทางอากาศ การที่ประเทศต่างๆ นิยมสร้างไตรภาคอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมา ก็เพื่อกำจัดความสามารถของศัตรูที่จะทำลายกำลังอาวุธนิวเคลียร์ของฝ่ายตนในการโจมตีครั้งแรก จึงทำให้ยังคงสามารถรักษาสมรรถนะของตนเองที่จะเปิดการโจมตีครั้งที่สอง หรือการโจมตีเพื่อตอบโต้ และดังนั้นจึงเป็นการเพิ่มพูนพลังอำนาจในการป้องปรามอาวุธนิวเคลียร์ nuclear deterrence ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Nuclear_triad)

โทมาฮอว์ก ได้รับการออกแบบให้ออกปฏิบัติภารกิจด้วยการบินในระยะต่ำๆ เตี้ยๆ ใกล้พื้นดินมากๆ นั่นคือ ทันทีที่มันไปอยู่เหนือน่านฟ้าโซเวียตแล้ว มันจะสามารถทิ้งตัวลงสู่ระยะต่ำๆ ใกล้ๆ ความสูงของยอดไม้ และกำบังตัวไปตามความสูงต่ำของภูมิประเทศ ทำให้การตรวจจับให้พบและสกัดกั้นได้อย่างทันการนั้นเป็นเรื่องยากลำบากหรือกระทั่งเป็นไปไม่ได้เลย

ภาพยิงขีปนาวุธร่อนโทมาฮอว์ก จากเรือพิฆาตติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีลำหนึ่งของสหรัฐฯ
ขีปนาวุธร่อนโทมาฮอว์กได้รับการผลิตออกมาในหลายๆ เวอร์ชั่น โดยสามารถแบ่งจำแนกได้เป็น 3 เวอร์ชั่นกว้างๆ ซึ่งรู้จักกันในชื่อว่า ALCMs (อ่านว่า แอลค์เอมส์ alk-ems), GLCMs (กลิคเอมส์ glick-ems), และ SLCMs (สลิคเอมส์ slick-ems) แอลค์เอมส์ เป็นขีปนาวุธร่อนประเภทยิงจากอากาศ ซึ่งปกติแล้วใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 เป็นยานพาหนะ สำหรับ คลิกเอมส์ เป็นขีปนาวุธร่อนยิงจากภาคพื้นดิน ส่วน สลิคเอมส์ เป็นขีปนาวุธร่อนยิงจากทะเล ที่สามารถติดตั้งในเรือรบผิวน้ำต่างๆ หลักๆ ก็คือพวกเรือพิฆาต ซึ่งทุกวันนี้จะได้รับการประกอบระบบอาวุธอย่างระบบป้องกันภัยทางอากาศเอจิส (AEGIS air defense system) เอาไว้ด้วย นอกจากนั้นยังติดตั้งในเรือดำน้ำได้เช่นกัน

โทมาฮอว์ก ตั้งแต่แรกเริ่มก็มีศักยภาพในทั้ง 2 ทาง (dual-capable) นั่นคือสามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ หรือหัวรบธรรมดาก็ได้ทั้งนั้น ในอดีตที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเนื่องจากต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญากองกำลังนิวเคลียร์พิสัยกลาง (Intermediate-Range Nuclear Forces Treaty หรือ INF) ซึ่งในปัจจุบันได้ถูกยกเลิกไปแล้ว และอีกส่วนหนึ่งเนื่องจากการส่งขีปนาวุธร่อนไปบินเหนือเขตแดนของโซเวียตจะถูกตีความว่าเป็นการเข้าโจมตีทางนิวเคลียร์ ทำให้สหรัฐฯเก็บหัวรบนิวเคลียร์สำหรับใช้กับโทมาฮอว์กเอาไว้ในคลังแสง ไม่มีการนำออกมาประกอบติดตั้ง ข่าวสารข้อมูลในเรื่องที่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวรบเหล่านี้ ยังคงเต็มไปด้วยความสับสน พวกมันยังคงถูกเก็บเอาไว้ในคลังเก็บแบบระยะยาว หรือว่าได้ถูกทำลายทิ้งไปแล้ว? เป็นคำถามซึ่งยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน

สำหรับโทมาฮอว์กติดหัวรบธรรมดา สหรัฐฯได้นำออกมาใช้งานหลายครั้งมาก ทั้งในการโจมตีเล่นงานอิรัก, อัฟกานิสถาน, และกลุ่มไอซิส (ISIS หรือตัวย่อของกลุ่มซึ่งเป็นที่รู้จักกันมากอีกชื่อหนึ่งคือ IS -ผู้แปล) ในซีเรีย รวมทั้งในลิเบีย, ยูโกสลาเวีย, บอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา, โซมาลี, และการใช้งานครั้งหลังสุดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้เอง คือ ในเยเมน และอิหร่าน จำนวนโทมาฮอว์กหัวรบธรรมดาที่ถูกยิงออกไปในระยะเวลาหลายๆ ปีที่ผ่านมาน่าจะมีตัวเลขอยู่ที่ระหว่าง 2,000 ถึง 3,000 ลูก

ปัจจุบัน มีโทมาฮอว์กราว 4,000 ลูกอยู่ในคลังแสงของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เป็นรุ่นที่ปรับปรุงให้ทันสมัยยิ่งขึ้นแล้ว ที่เรียกกันว่า บล็อก IV และบล็อก V

ถ้าสหรัฐนจัดส่งโทมาฮอว์กไปให้ยูเครน ในเวลาปฏิบัติการมันก็จะต้องใช้พวกช่างเทคนิคสหรัฐฯหรือสหราชอาณาจักรเป็นผู้ดำเนินการอยู่ดี รวมทั้งจำเป็นต้องได้รับความสนับสนุนจากสหรัฐฯในเรื่องข่าวกรองซึ่งรวบรวมโดยแหล่งที่มาเหนือศีรษะ (overhead intelligence) เพื่อใช้ในการคัดเลือกเป้าหมายที่จะเข้าโจมตี ตลอดจนการตั้งโปรแกรมของขีปนาวุธสำหรับเข้าโจมตีเป้าหมายเหล่านั้น

รัสเซียจะถือว่าโทมาฮอว์กคือการเข้ามาแทรกแซงโดยตรงของสหรัฐฯ ((ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thetimes.com/world/russia-ukraine-war/article/ukraine-tomahawk-missiles-us-russia-war-zm0rwlq9f) และในความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่มีหนทางสะดวกง่ายดายใดๆ เลยที่สหรัฐฯจะสามารถนำมาใช้ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติการใช้อาวุธชนิดนี้ นี่หมายความว่าถ้าทรัมป์อนุมัติให้ส่งขีปนาวุธชนิดนี้แก่ยูเครน เขาก็กำลังสั่งการให้กองทัพสหรัฐฯ (หรือไม่ก็พวกตัวแทนอย่างกองทัพสหราชอาณาจักร) ใช้อาวุธเหล่านี้เพื่อโจมตีเล่นงานรัสเซีย

ฝ่ายรัสเซียเวลานี้กำลังออกมาป่าวร้องว่า โทมาฮอว์กสำหรับยูเครนแล้ว ไม่ใช่เป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” แต่อย่างใดเลย ในการพูดเช่นนั้ฝ่ายรัสเซียกำลังชี้ให้เห็นว่าสงครามภาคพื้นดินในยูเครนจะไม่ถูกทำให้เปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่โดยโทมาฮอว์ก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วส่วนใหญ่ค่อนข้างไร้ประโยชน์เมื่อพิจารณาจากฉากทัศน์ต่างๆ ของการทำสงครามที่ใช้อาวุธตามแบบแผนธรรมดา ไม่ใช่สงครามอาวุธนิวเคลียร์

อย่างไรก็ดี สิ่งที่พูดกันอยู่ในเวลานี้คือ โทมาฮอว์กจะถูกนำมาใช้ด้วยความมุ่งหมายที่จะโจมตีเล่นงานพวกทรัพย์สินทางเศรษฐกิจระดับสำคัญยิ่งยวดตลอดจนระดับรองลงมาของรัสเซีย รวมทั้งพวกฐานขีปนาวุธและฐานทัพอากาศในแดนหมีขาว คณะบริหารทรัมป์กำลังปฏิบัติการโดยเชื่อในสมมุติฐานที่ว่า เศรษฐกิจรัสเซียกำลังโซซัดโซเซอยู่ตรงริมขอบของการพังครืนลงมา โดยที่โทมาฮอว์กสามารถช่วย “จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย” และบังคับให้ระบอบปกครองปูตินล่มสลาย

ภาพถ่ายจากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นการระเบิดและไฟลุกไหม้ ภายหลังโดรนยูเครนลำหนึ่งโจมตีโรงกลั่นน้ำมันตูอัปเซ ของรัฐวิสาหกิจรอสเนฟต์ ในเมืองตูอัปเซ แคว้นคัสโนดาร์ ของรัสเซีย เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2024
มีหลักฐานอยู่เหมือนกันที่แสดงให้เห็นว่าการที่ยูเครนโจมตีเล่นงานพวกโครงสร้างพื้นฐานบนดินแดนรัสเซียนั้น เป็นสิ่งที่สร้างความเสียหายราคาแพงให้แก่รัสเซีย และได้ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะความเสียหายฉกรรจ์ๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกโรงกลั่นน้ำมันที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันเบนซิน เมื่อเร็วๆ นี้เอง รัสเซียตัดสินใจให้ระงับการส่งออกทั้งเบนซินและดีเซล เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการผลิตเชื้อเพลิงเหล่านี้ภายในประเทศ

ยูเครนยังพุ่งเป้าเล่นงานภาคโครงสร้างพื้นฐานทรงความสำคัญยิ่งยวดอย่างอื่นๆ อีกด้วย เป็นต้นว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ (จวบจนถึงเวลานี้ ยูเครนยังไม่ประสบความสำเร็จในการโจมตี) และการขนส่ง (รวมไปถึงทางรถไฟ ส่วนใหญ่แล้วอาศัยการก่อวินาศกรรม)

ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า สามารถจัดส่งขีปนาวุธร่อน โทมาฮอว์ก (และพวกแพลตฟอร์มสำหรับใช้ยิง) จำนวนเท่าใดไปให้แก่ยูเครน เช่นเดียวกับที่เรายังไม่ทราบกันหรอกว่าฝ่รายรัสเซียสามารถรับมือกับอาวุธชนิดนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียมีการวิวัฒนาการในระยะหลายๆ ปีที่ผ่านมา และอยู่ในสภาพดีขึ้นมากอย่างห่างไกลทีเดียว กับเมื่อตอนที่โทมาฮอว์กเริ่มถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนเยอะๆ ครั้งแรกในปี 1983 กระนั้นก็ตาม อย่างที่หลายๆ เหตุการณ์ในระยะหลังๆ มานี้ได้สาธิตให้เห็นในกรณีของพวกโดรนที่มีพิสัยทำการไกล ๆ ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียยังคงมีช่องโหว่อยู่เยอะแยะในเรื่องความสามารถที่จะทำการป้องกันได้อย่างครอบคลุมทั่วถึง

หนึ่งในเหตุผลที่ทำไมสหรัฐฯจึงกำลังแสวงหาหนทางในการลองพยายามซัดหมัดน็อกเอาต์เข้าใส่ปูตินและรัสเซีย ก็คือ วอชิงตันหวาดกลัววารัสเซียอาจจะเปิดการรุกใหญ่ที่สามารถก่อความวิบัติหายนะครั้งใหม่ขึ้นในยูเครน (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://abcnews.go.com/US/russia-planning-new-offensives-aiming-end-war-ukraine/story?id=122210506) ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบปกครองที่นั่นให้ได้ จวบจนถึงเวลานี้ ยุทธศาสตร์ของฝ่ายรัสเซียเน้นหนักอยู่ที่การทำให้กองทัพยูเครนพังทลาย และบังคับให้ระบอบปกครองยูเครนปัจจุบันต้องยอมถอยลงจากอำนาจ

มีรายงานหลายกระแสแพร่กระจายออกมา ระบุว่า รัสเซียกำลังเตรียมตัวให้พรักพร้อมสำหรับการบุกใหญ่ ถึงแม้อย่างน้อยที่สุดก็จวบจนกระทั่งถึงตอนนี้ รายงานเหล่านี้ยังไม่สามารถชี้ให้เห็นหลักฐานอันหนักแน่นว่ากำลังเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาจริงๆ ในทำนองเดียวกัน ก็มีรายงานหลายชิ้นที่ระบุว่า ยูเครนวางแผนเปิดการรุกครั้งใหญ่ของตนเอง โดยน่าจะมุ่งไปที่แหลมไครเมีย ทว่ายูเครนจะไปเอากำลังทหารมาจากไหนเพื่อใช้ในการปฏิบัติทำนองนี้ยังคงไม่มีความชัดเจน –โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อกำลังทหารที่จะต้องใช้ในการรุกใหญ่เช่นนี้ น่าจะเป็นการดึงเอามาจากเขตแนวหน้าในพื้นที่อื่นๆ ดังนั้นมันจึงอาจกลายเป็นการเปิดช่องโหว่ของกองทัพยูเครนให้ฝ่ายรัสเซียฉวยโอกาสหาประโยชน์จากการสับเปลี่ยนกำลังเช่นนี้ก็เป็นได้

รัสเซียนั้นยังคงเก็บรักษาสมรรถนะบางส่วนเอาไว้ในกระเป๋า ไม่ได้งัดเอาออกมาใช้จนหมดสิ้น เป็นต้นว่าขีปนาวุธ โอเรชนิก (Oreshnik) ซึ่งเวลานี้กำลังมีการลงมือผลิตแบบต่อเนื่องได้แล้ว การใช้โทมาฮอว์กจะเป็นการสร้างแรงกดดันอย่างหนักหน่วงต่อพวกผู้นำรัสเซียให้ต้องยกระดับการปฏิบัติการของพวกเขาในหลายๆ วิธี ซึ่งอาจรวมทั้งการใช้พวกอาวุธที่จวบจนถึงเวลานี้ส่วนใหญ่ยังถูกเก็บเอาไว้ไม่เอามาเกี่ยวข้องกับการสู้รบขัดแย้งคราวนี้

รัสเซียจะตอบโต้ไปไกลขนาดไหน เมื่อถูกยั่วยุโดยตรงจากสหรัฐฯ เป็นคำถามที่สมควรจะได้รับการประเมินอย่างรอบคอบระมัดระวังในกรุงวอชิงตัน ก่อนที่สหรัฐฯจะลงมือกระทำการเสี่ยงภัยซึ่งอาจก่อให้เกิดผลด้านกลับ และนำไปสู่สงครามที่ขยายวงกว้างขวางยิ่งขึ้นในยุโรป

สตีเฟน ไบรเอน เป็นผู้สื่อข่าวพิเศษของเอเชียไทมส์ และเป็นอดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหมฝ่ายนโยบายของสหรัฐฯ ข้อเขียนชิ้นนี้ทีแรกสุดปรากฏอยู่บนจดหมายข่าว Weapons and Strategy ในแพลตฟอร์ม Substack ของเขา
กำลังโหลดความคิดเห็น