สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติอินโดนีเซียแถลงยืนยันจำนวนนักเรียนที่เสียชีวิตจากเหตุอาคารเรียนสอนศาสนาอิสลามพังถล่มในจังหวัดชวาตะวันออกเพิ่มขึ้นเป็น 13 รายในวันศุกร์ (3 ต.ค.) ขณะที่ปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตยังคงดำเนินต่อไป
โรงเรียน Al Khoziny ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองซิโดอาร์โจ จังหวัดชวาตะวันออก พังถล่มลงมาเมื่อวันจันทร์ (29 ก.ย.) ในขณะที่นักเรียนวัยรุ่นหลายร้อยคนกำลังประกอบพิธีละหมาดช่วงบ่าย เนื่องจากฐานรากของโรงเรียนไม่สามารถรองรับการก่อสร้างบริเวณชั้นบนของอาคารได้
สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติอินโดนีเซียระบุว่า รถพยาบาล 30 คันถูกนำมาจอดเตรียมพร้อมเอาไว้ ในขณะที่หน่วยกู้ภัยยังคงค้นหานักเรียนที่สูญหายอีก 50 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กชายวัยรุ่นอายุ 13-19 ปีที่ยังคงติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองให้ใช้เครื่องจักรกลหนักแล้ว หลังจากที่ไม่พบสัญญาณชีพจากความพยายามก่อนหน้านี้
“ครอบครัวของเหยื่อทุกคนให้ความยินยอม หากว่าอุปกรณ์หนักบังเอิญไปรบกวนสภาพร่างกายที่อยู่ใต้ซากปรักหักพัง” ซูฮาร์ยันโต หัวหน้าสำนักงานฯ ระบุ พร้อมเสริมว่ามีความเป็นไปได้ที่จะพบศพเพิ่มอีก
นอกจากรถพยาบาลแล้ว ยังมีรถเครนที่ถูกนำเข้ามาใช้ขุดค้นเศษซากบางส่วน
เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ขุดอุโมงค์ในซากอาคาร ตะโกนเรียกชื่อเด็กๆ และใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ทว่าไม่พบร่องรอยของสิ่งมีชีวิตใดๆ ตามภาพที่หน่วยงานค้นหาและกู้ภัยเผยแพร่เผยให้เห็น
สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติระบุว่า เหยื่อที่ได้รับการช่วยเหลือ 14 รายยังคงอยู่ในความดูแลของแพทย์
โรงเรียน Al Khoziny เป็นหนึ่งในโรงเรียนประจำศาสนาอิสลามในอินโดนีเซีย ซึ่งคนในท้องถิ่นจะเรียกกันว่า pesantren
อินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลกมี pesantren อยู่ประมาณ 42,000 แห่งซึ่งให้ความรู้ด้านศาสนาแก่นักเรียน 7 ล้านคน ตามข้อมูลของกระทรวงกิจการศาสนา
ที่มา: รอยเตอร์