xs
xsm
sm
md
lg

ขับยังไง! เครื่องบินเดลตา 2 ลำเฉี่ยวชนจน ‘ปีกหัก-หัวพังยับ’ กลางสนามบินนิวยอร์ก-แอร์ฯ เจ็บ 1 ราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เครื่องบินโดยสารระดับภูมิภาคของสายการบินเดลตาแอร์ไลน์ส (Delta Air Lines) ประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันเองบนทางวิ่งที่สนามบินลากวาเดียร์ (La Guardia Airport) ในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ เมื่อค่ำวันพุธ (1 ต.ค.) ส่งผลให้มีพนักงานต้อนรับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย

เว็บไซต์ New York Post อ้างข้อมูลเบื้องต้นจากสายการบินซึ่งระบุว่า ปีกของเครื่องบิน Endeavor Air เที่ยวบิน 5115 ซึ่งกำลังออกเดินทางไปยังเมือง Roanoke รัฐเวอร์จิเนีย ได้ไปเฉี่ยวเข้ากับลำตัวของเครื่องบิน Endeavor Air เที่ยวบิน 5047 ที่เดินทางมาจากเมืองชาร์ล็อตต์ รัฐนอร์ทแคโลไรนา บนรันเวย์ของสนามบินดังกล่าว โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนเวลา 22.00 น. เล็กน้อย

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินลำหนึ่งถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการบาดเจ็บที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต และไม่มีผู้โดยสารบาดเจ็บจากการเฉี่ยวชนครั้งนี้ ตามข้อมูลจากการท่าอากาศยานนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์และสายการบินเดลตา

ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์เผยให้เห็นรถฉุกเฉินหลายคันขับตรงเข้าไปยังเครื่องบิน Canadianair CRJ-900 สองลำซึ่งปฏิบัติการโดย Endeavor Air และมีภาพถ่ายเพิ่มเติมที่แสดงให้เห็นว่า ส่วนหัวของเครื่องบินลำหนึ่งเกิดความเสียหายอย่างชัดเจน


ผู้โดยสาร 28 คนบนเที่ยวบิน 5115 และอีก 57 คนบนเที่ยวบิน 5047 ถูกพาขึ้นรถบัสเข้าไปยังอาคารผู้โดยสาร โดยทางสายการบินได้จัดอาหารและน้ำดื่มไว้ให้บริการ

เดลตา ยืนยันว่า สายการบินได้จัดที่พักในโรงแรมและอาหารให้แก่ผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบ และมอบทางเลือกในการเปลี่ยนเที่ยวบินสำหรับออกเดินทางในวันรุ่งขึ้นแทน

“ทีมงานเดลตาที่ศูนย์กลางการบินนิวยอร์ก-ลากวาเดียร์ได้ทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าผู้โดยสารทุกคนจะได้รับการดูแล หลังจากที่เครื่องบินของเดลตาซึ่งปฏิบัติการโดย Endeavor Air จำนวน 2 ลำเกิดการเฉี่ยวชนในระหว่างกำลังขับเคลื่อนไปบนพื้นสนามบินด้วยความเร็วต่ำ” สายการบินระบุ

ท่าอากาศยานลากวาเดียร์แถลงยืนยันว่า อุบัติเหตุดังกล่าวไม่กระทบต่อปฏิบัติการโดยรวมของสนามบิน ขณะที่เดลตาระบุว่าจะดำเนินการสอบสวนสาเหตุร่วมกับการท่าอากาศยาน สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) คณะกรรมการความปลอดภัยขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ที่มา: New York Post
กำลังโหลดความคิดเห็น