บรรดาผู้นำสหภาพยุโรป(อียู) ในวันพุธ(1ต.ค.) สนับสนุนแผนยกระดับการป้องกันตนเองของกลุ่ม จากภัยคุกคามอากาศยานไร้คนขับของรัสเซีย ในสิ่งที่เรียกว่า "กำแพงโดรน" ระหว่างพบปะกันในโคเปนเฮเกน ซึ่งมีขึ้นไม่กี่วันหลังจากเกิดเหตุล่วงละเมิดน่านฟ้าโดยโดรนปริศนา ที่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือมอสโก ที่ก่อความวิตกกังวลแก่เดนมาร์ก
พวกเจ้าหน้าที่ยุโรปกล่าวหารัสเซียล่วงละเมิดน่านฟ้าของพวกเขาอย่างโจ่งแจ้งหลายต่อหลายครั้ง ในนั้นรวมถึงเหตุการณ์ล่วงล้ำเมื่อเร็วๆนี้โดยฝูงโดรนเหนือน่านฟ้าโปแลนด์ และโดยเครื่องบินขับไล่เหนือท้องฟ้าเอสโตเนีย
"ยุโรปต้องสามารถปกป้องตนเอง" เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก กล่าวหลังการประชุมซัมมิตอียู "เราจำเป็นต้องเสริมความเข้มแข็งด้านการผลิตโดรน ด้านศักยภาพต่อต้านโดรน และในนั้นรวมถึงการสร้างเครือข่ายยุโรปของมาตรการต่อต้านโดรน ที่สามารถปกป้องและแน่นอน กำจัดการล่วงล้ำจากภายนอก"
เหตุการณ์ต่างๆนานาในน่านฟ้ายุโรปเน้นย้ำว่าพวกผู้นำยุโรปเริ่มมองรัสเซีย ในฐานะภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อความมั่นคงของทวีป ตามหลังมอสโกรุกรานยูเครนในปี 2022 และได้ยกระดับความพยายามเสริมความเข้มแข็งในด้านการป้องกันตนเอง
เดนมาร์ก ไม่ได้พาดพิงว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุล่วงละเมิดน่านฟ้าของพวกเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งก่อความปั่นป่วนแก่การจราจรทางอากาศตามสนามบินต่างๆหลายแห่ง แต่ทาง เฟรเดอริกเซน พูดเป็นนัยว่าอาจเป็นมอสโก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องมาช้านานให้ยุโรปแบกรับความรับผิดชอบมากขึ้นในด้านความมั่นคงของตนเองและความมั่นคงของยูเครน "รัสเซียพยายามทดสอบเรา รัสเซียพยายามหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความแตกแยกและความหวาดวิตกในสังคมของเราเช่นกัน เราจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น" อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าว
เมื่อเดือนที่แล้ว ฟอน แดร์ ไลเอิน เรียกร้องสิ่งที่เธอเรียกว่า "กำแพงโดรน" เครือข่ายระบบเซ็นเซอร์และอาวุธในการตรวจจับ ติดตามและกำจัด อากาศยานไร้คนขับที่ล่วงล้ำเข้ามา เพื่อปกป้องปีกตะวันออกของยุโรป คำแนะนำของเธอมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังโดรนรัสเซียราว 20 ลำ ล่วงล้ำเข้าสู่น่านฟ้าโปแลนด์ แม้พวกเจ้าหน้าที่บอกว่ามันอยู่ภายใต้การพิจารณาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว
การล่วงล้ำเข้าสู่น่านฟ้าโปแลนด์ เผยให้เห็นถึงช่องโหว่ของยุโรป ในด้านศักยภาพการต่อต้านโดรน ตามคำกล่าวอ้างของพวกเจ้าหน้าที่และบรรดานักวิเคราะห์ แม้กองกำลังนาโตส่งเครื่องบินขับไล่และเฮลิคอปเตอร์ขึ้นสู่น่านฟ้า รวมถึงเปิดใช้งานระบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออต ในการตอบสนองเหตุการณ์ และสามารถสอยร่วงโดรนหลายลำ
มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต ในช่วงกลางสัปดาห์ ยกย่องแนวคิดกำแพงโดรน ว่า "มาถูกเวลาและมีความจำเป็น" และพวกผู้นำยุโรปพากันส่งเสียงสนับสนุนความคิดนี้ ระหว่างประชุมกันในโคเปนเฮเกนในวันพุธ(1ต.ค.)
อย่างไรก็ตามด้วยที่คณะกรรมาธิการยุโรป หน่วยงานบริหารของอียู ยังไม่ได้คลอดรายละเอียดแผนสำหรับกำแพงโดรน มันจึงก่อคำถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและแนวทางปฏิบัติต่างๆนานา
ฟอน แดร์ ไลเอิน ระบุว่าทางปีกตะวันออกของยุโรป จะถูกให้ความสำคัญในลำดับต้นๆ สืบเนื่องจากมันอยู่ใกล้กับรัสเซีย แต่เป็นที่เข้าใจได้ว่า "กำแพงโดรน" จะทำหน้าที่เป็นโล่ป้องกันสำหรับทั่วทั้งทวีป
ก่อนหน้านี้ จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี บอกว่าชายแดนทางใต้ของยุโรปก็ไม่ควรถูกละเลยเช่นกัน แม้จะมุ่งเน้นเป็นสำคัญไปที่ปีกตะวันออกของอียู ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เรียกร้องหาแนวทางอย่างครอบคลุมสำหรับป้องกันภัยคุกคามจากโดรน
"ในความเป็นจริง เราต้องการระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าล้ำสมัย เพื่อคาดการณ์ภัยคุกคามต่างๆได้ดีกว่าเดิม" เขากล่าวกับพวกผู้สื่อข่าว พร้อมเน้นถึงความสำคัญของการป้องปรามผ่านแสนยานุภาพโจมตีพิสัยไกล
รัสเซีย ยืนยันว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังโดรนที่บินเหนือเดนมาร์ก โต้แย้งคำกล่าวหาเครื่องบินขับไล่ของพวกเขาล่วงล้ำน่านฟ้าเอสโตเนีย และบอกว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาส่งโดรนล้ำเข้าไปในเขตแดนของโปแลนด์
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน วิพากษ์วิจาณ์ยุโรป ที่พูดคุกันเกี่ยวกับกำแพงโดรน โดยอกว่า "ประวัติศาสตร์ก็มีให้เห็นกันมาแล้ว การสร้างกำแพงเป็นเรื่องเลวร้ายเสมอ" เขากล่าวในวันอังคาร(30ก.ย.)
(ที่มา:รอยเตอร์/อาร์ทีนิวส์)