สหรัฐฯ เตรียมเผชิญกับภาวะ "ชัตดาวน์" ปิดหน่วยงานรัฐบางส่วนในวันนี้ (1 ต.ค.) หลังการลงมติในชั้นวุฒิสภาเพื่อขยายเวลาจัดสรรงบประมาณล่วงเกินกำหนดเที่ยงคืนและสุดทัายก็ยังไม่ผ่าน ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังขู่จะปลดพนักงานรัฐบาลกลางออกเพิ่มเติมด้วย
คะแนนโหวต 55 ต่อ 45 ในวุฒิสภา ซึ่งไม่ถึง 60 เสียงที่จำเป็นต่อการผลักดันกฎหมายงบประมาณ ทำให้ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ จำเป็นต้องยุติกิจกรรมแทบทั้งหมดยกเว้นส่วนที่ "จำเป็นยิ่งยวด" เช่น การบังคับใช้กฎหมาย โดยเริ่มตั้งแต่วันพุธ (1) เป็นต้นไป ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้อาจส่งผลกระทบหลายด้าน ตั้งแต่การสัญจรทางอากาศเรื่อยไปจนถึงรายงานการจ้างงานรายเดือน
การแก้ไขปัญหาในนาทีสุดท้ายดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติความขัดแย้ง และข้อตกลงใดๆ จะต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรซึ่งพรรครีพับลิกันคุมเสียงข้างมากอยู่ และขณะนี้ยังไม่ได้เปิดประชุม
จอห์น ธูน แกนนำ ส.ว. พรรครีพับลิกัน ระบุว่า วุฒิสภาจะมีการลงมติอีกครั้งในวันพุธ (1) เกี่ยวกับมาตรการซึ่งผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
การเผชิญหน้ากันเรื่องงบประมาณของสหรัฐฯ ดูเหมือนจะกลายเป็นธรรมเนียมปกติไปแล้ว ท่ามกลางการเมืองในประเทศที่บิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยครั้งนี้พรรคเดโมแครตยืนกรานว่าร่างกฎหมายงบประมาณใดๆ จะต้องรวมเงินอุดหนุนด้านการดูแลสุขภาพเพิ่มเติม ขณะที่พรรครีพับลิกันยืนยันว่าควรพิจารณาทั้ง 2 ประเด็นแยกกัน
ทรัมป์ ยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นไปอีก โดยก่อนการลงมติในวันอังคาร (30 ก.ย.) เขาได้ยื่นคำขู่ว่าจะยกเลิกโครงการที่พรรคเดโมแครตสนับสนุน และจะสั่งปลดพนักงานรัฐบาลกลางเพิ่ม เติมหากหน่วยงานรัฐต้องปิดทำการ
“เราจะปลดพนักงานออกจำนวนมาก” ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว “และจะเป็นพวกเดโมแครตด้วย”
การปลดพนักงานเช่นนี้จะยิ่งทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เกิดภาวะ "สมองไหล" มากขึ้นเรื่อยๆ โดยพนักงานกว่า 150,000 คนมีกำหนดจะออกจากระบบเงินเดือนของรัฐบาลกลางภายในสัปดาห์นี้หลังจากที่ยอมรับข้อตกลงจ้างออก (buyout) ซึ่งถือเป็นการลาออกของเจ้าหน้าที่รัฐครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 80 ปี
ก่อนหน้านี้ มีผู้ที่ถูกปลดออกจากระบบแล้วหลายหมื่นคนในปีนี้ และ ทรัมป์ ยังปฏิเสธที่จะใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่รัฐสภาอนุมัติแล้ว ซึ่งทำให้สมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนตั้งคำถามว่า ทำไมพวกเขาถึงจะต้องลงคะแนนโหวตให้กับร่างกฎหมายงบประมาณใดๆ
ในบันทึกที่ส่งถึงพนักงานที่กำลังจะถูกพักงานในเร็วๆ นี้ หน่วยงานหลายแห่ง รวมถึงกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และสำนักงานประกันสังคมได้กล่าวโทษพรรคเดโมแครตว่าเป็นต้นเหตุของการปิดหน่วยงานรัฐที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการละเมิดบรรทัดฐานที่มีมายาวนานซึ่งมุ่งปกป้องพนักงานของรัฐจากความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมือง
ส.ว. แคทเธอรีน คอร์เตซ มาสโต จากรัฐเนวาดา ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสมาชิกพรรคเดโมแครตที่ตัดสินใจแยกตัวจากพรรคและลงคะแนนเสียงให้กับร่างกฎหมายงบประมาณของพรรครีพับลิกันเมื่อวันอังคาร (30) กล่าวว่า "การปิดหน่วยงานรัฐซึ่งจะมีผลกระทบด้านค่าใช้จ่ายสูง" เท่ากับ "มอบอำนาจให้รัฐบาลที่ขาดความยับยั้งชั่งใจนี้มากยิ่งขึ้น"
หน่วยงานต่างๆ ยังได้ออกแผนการปิดหน่วยงานอย่างละเอียด โดยจะมีการปิดสำนักงานที่ทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ บริการลูกค้า และกิจกรรมอื่นๆ ที่ "ไม่จำเป็น" และให้พนักงานหลายหมื่นคนกลับบ้านโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ส่วนทหาร กองกำลังป้องกันชายแดน และบุคลากรอื่นๆ ที่ทำงาน "จำเป็น" จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ทว่าจะไม่ได้รับค่าจ้างจนกว่าการเผชิญหน้าในสภาคองเกรสจะยุติลง
กระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันอังคาร (30) ว่า พนักงานกว่า 11,000 คนของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) หรือประมาณ 1 ใน 4 ของจำนวนพนักงานทั้งหมดจะถูกพักงานชั่วคราว หากงบประมาณของรัฐบาลหมดลง
สายการบินต่างๆ ของสหรัฐฯ เตือนว่า การปิดทำการบางส่วนของรัฐบาลกลางในเวลาเที่ยงคืน (04.00 น. ตามเวลา GMT) อาจส่งแรงกดดันต่อภาคการบินสหรัฐฯ และทำให้เที่ยวบินล่าช้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะถูกบังคับให้ทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง และภาระงานด้านอื่นๆ จะถูกระงับ
ที่มา: รอยเตอร์


