xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์กำลังถือโอกาสทิ้งภาระยุ่งเหยิงเรื่องยูเครนให้แก่ยุโรป ไม่ใช่กลับใจหนุนเคียฟสู้รัสเซียอย่างแข็งขันยิ่งขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สตีเฟน ไบรเอน


หรือ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังส่งสัญญาณว่า สหรัฐฯไม่เอาแล้วกับเรื่องการสนับสนุนยูเครนให้ต่อสู้กับรัสเซีย ? ภาพนี้คือตอนที่ ทรัมป์ประชุมทวิภาคีกับโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ข้างเคียงการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ในนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2025 ที่ผ่านมา
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ https://asiatimes.com/2025/09/trump-in-truth-social-manifesto-offloads-ukraine-mess-on-europe/)

Trump in Truth Social manifesto offloads Ukraine mess on Europe
by Stephen Bryen
26/09/2025

อันตรายเหลือเกิน! ตอนนี้ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ฟรีดิช เมร์ซ แสดงความต้องการที่จะนำเอาสินทรัพย์รัสเซียซึ่งถูกฝ่ายตะวันตกยึดเอาไว้ ออกมาใช้จ่ายในเรื่องเกี่ยวกับยูเครน โดยเหตุผลสำคัญที่สุดเป็นเพราะเยอรมนีเองไม่ได้มีเงินทองเหลือเพื่ออุดหนุนเคียฟอีกต่อไปแล้ว

คำแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในเรื่องยูเครนและรัสเซีย บนแพลตฟอร์มสื่อสังคม “ทรูธโซเชียล” ของเขา เมื่อวันอังคาร (23 ก.ย.) ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ปริมาณมหาศาล คำแถลงนี้ของเขาออกมาหลังจากเขาพบปะหารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ข้างเคียงการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในนครนิวยอร์ก

เซเลนสกี เดินทางไปที่ยูเอ็น และพูดจากับประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อพยายามหาทางรบเร้าให้ได้รับความสนับสนุนมากขึ้นอีกสักหลายๆ พันล้านดอลลาร์ทั้งความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและด้านการทหาร หากว่านี่คือสิ่งที่เขามุ่งหมายแล้ว เขาก็ประสบความล้มเหลวอย่างชัดเจน

ก่อนที่ทรัมป์จะมีการประกาศทาง ทรูธโซเชียล เขาได้พยายามเรียกร้องกดดันเซเลนสกีให้ยอมทำดีลกับรัสเซีย โดยเฉพาะกับ วลาดิมีร์ ปูติน ทว่าเซเลนสกีปฏิเสธ ตรงกันข้ามเขากับทีมของเขากลับหันมาป่าวร้อง --แรกสุดเลยก็กับ คีธ เคลล็อกก์ (Keith Kellogg) นายพลอเมริกันเกษียณอายุที่เป็นผู้แทนพิเศษของทรัมป์ในเรื่องยูเครนกับรัสเซีย— ว่ายูเครนกำลังจะชนะสงครามครั้งนี้ และจะชิงคืนดินแดนที่สูญเสียไปแล้วกลับคืนมาทั้งหมด เซเลนสกียังอวดอ้างด้วยว่าการโจมตีด้วยโดรนของฝ่ายยูเครนที่กระทำกับรัสเซีย ได้สร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจรัสเซีย และในไม่ช้าก็เร็วจะบังคับให้รัสเซียต้องถอนตัวออกไปจากยูเครน

ทางด้านทรัมป์ตอบโต้ด้วยการทำอะไรที่ง่ายๆ นั่นคือ เขาแสดงความเห็นดีเห็นงามกับเซเลนสกี ในการระบายอาการโกรธขึ้งใส่รัสเซียและปูติน และพูดว่ารัสเซียเป็นเพียงเสือกระดาษ รวมทั้งบอกว่าเศรษฐกิจของรัสเซียจะพังทะลายในเร็ววันนี้

ทว่าเวลาเดียวกัน ทรัมป์ยังแสดงท่าทีด้วยว่าจะปลดระวางความยุ่งเหยิงวุ่นวายเรื่องยูเครนนี้ออกไปให้แก่ยุโรป และ “นาโต้” โดยทำราวกับว่าสหรัฐฯนั้นไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต้รายหนึ่งกับเขาด้วย

ข้อความที่ โดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ทางโซเชียลมีเดีย ภายหลังพบปะหารือกับ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2025
บางคนบางฝ่ายในยุโรปชักรู้สึกได้กลิ่นทะแม่งๆ ซึ่งพวกเขาก็สมควรจะรู้สึกกันอย่างนั้น เพราะด้วยการเออออห่อหมกกับ เซเลนสกี ว่ายูเครนสามารถชนะในสงครามครั้งนี้ได้ ทรัมป์ก็กำลังทอดทิ้งสงครามนี้ให้อยู่ในความรับผิดชอบของ เซเลนสกี และของยุโรปเสียเลย ขณะที่สหรัฐฯมีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าจะเลือกผละจากออกมา

อย่างไรก็ตาม มาถึงตอนนี้มันไม่ใช้มีเรื่องทะแม่งๆ แค่เรื่องเดียวด้วยซ้ำ ที่กำลังแสดงอิทธิฤทธิ์

นโยบายของสหรัฐฯ เมื่อพิจารณาจากภาพใหญ่ ปรากฏว่ามันกำลังก่อให้เกิดผลตรงกันข้ามกับที่ตั้งใจเอาไว้ ด้วยการขับดันรัสเซียให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของจีนมากขึ้นทุกทีๆ นี่หมายความว่าการรอมชอมใดๆ ที่อาจเป็นไปได้กับรัสเซียเพื่อเอาไว้คานดุลกับจีนนั้น มาถึงตอนนี้ กลับกลายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถนำมาพิจารณาได้เสียแล้ว

ทรัมป์เคยคาดหวังเอาไว้ว่า จะผลักดันฝ่ายรัสเซียให้ยินยอมหยุดยิงกับยูเครน โดยการปล่อยข้อเสนอหยั่งเชิงออกมาจำนวนหนึ่งในเรื่องการร่วมมือกันในทางเศรษฐกิจ คู่ขนานไปกับการตระเตรียมสำหรับการประชุมซัมมิตระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน ที่อะแลสกา (ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2025 ที่ผ่านมา) สตีฟ วิตคอฟฟ์ (Steve Witkoff) ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯซึ่งทรัมป์ให้ความไว้วางใจมาก กับ คิริลล์ ดมิเตรียฟ (Kirill Dmitriev) ผู้แทนของรัสเซีย (ซึ่งมีตำแหน่งเป็น ซีอีโอ ของกองทุนบริหารความมั่งคั่งภาครัฐของรัสเซีย) ก็ได้จัดการพูดคุยหารือกันอย่างต่อเนื่องกันเป็นชุด ทั้งในซาอุดีอาระเบีย, กรุงวอชิงตัน, และนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยที่ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนเจรจากันเกี่ยวกับแรงจูงใจทางเศรษฐกิจหลายหลาก เป็นต้นว่า
**การที่สหรัฐฯจะหวนกลับมาลงทุนในพวกภาคเศรษฐกิจที่อ่อนไหวของรัสเซีย เป็นต้นว่า แรร์เอิร์ธ
**ความร่วมมือกันในภูมิภาคอาร์กติก ซึ่งผลประโยชน์ของสหรัฐฯและของรัสเซียมีศักยภาพที่จะเกิดขัดแย้งกัน
**มาตรการแซงก์ชั่นคว่ำบาตรของสหรัฐฯที่ใช้เล่นงานรัสเซียอยู่ในเวลานี้
**การปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการทูตและทางธุรกิจระหว่างประเทศทั้งสองให้กลับคืนสู่ภาวะปกติ

แต่ถึงแม้มีการพูดจาในทางบวกเกี่ยวกับความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ ปูตินก็ไม่ได้ถูกโน้มน้าวชักจูงให้เห็นชอบด้วยว่ามันเพียงพอแล้วสำหรับที่จะหยุดสงครามด้วยการทำข้อตกลงหยุดยิง แล้วในความเป็นจริงกระทั่งตัวเขาเองยังอาจจะไม่มีอยู่ในฐานะที่จะควบคุมสถานการณ์ทางทหารได้อย่างเต็มที่เสียด้วยซ้ำ ทั้งนี้น่าสังเกตว่า ในช่วงก่อนหน้า, ระหว่าง, และภายหลังซัมมิตที่อะแลสกา กองทัพรัสเซียพยายามไม่ลดละในการเข้าโจมตียูเครนอย่างหนัก ส่วนยูเครนก็เปิดการโจมตีด้วยโดรนใส่รัสเซีย

ในข้อความที่เขาโพสต์ทางทรูธโซเชียล ทรัมป์ประทับตราให้ว่า รัสเซียเป็นเพียงเสือกระดาษตัวหนึ่ง และอันที่จริงแล้ว “มหาอำนาจทางทหารที่แท้จริง” (ตรงนี้ทรัมป์ใช้ภาษาอังกฤษว่า Real Military Power และแสดงความตั้งใจที่จะย้ำเน้น ด้วยการใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่ capital letter) ควรจะต้องทำให้ชนะสงครามในยูเครนคราวนี้ได้ในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ คำพูดเช่นนี้ของเขาได้สร้างความเจ็บปวดให้แก่คณะผู้นำรัสเซีย ซึ่งก็ไม่ได้พออกพอใจอยู่แล้วกับผลการทำงานของกองทัพของพวกเขา รวมทั้งมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลต่อเนื่องจากการมีผู้บาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และการเกิดสะดุดติดขัดตามเมืองใหญ่น้อยของรัสเซียมากขึ้นทุกที

มองกันเป็นภาพใหญ่ กองทัพรัสเซียทำได้ดีขึ้นอย่างมากมายทั้งในทางยุทธวิธีและในทางยุทธการ จากช่วงปีแรกของสงครามซึ่งยานเกราะรัสเซียประสบการสูญเสียอย่างมหาศาล และการบุกโจมตีของฝ่ายรัสเซียส่วนใหญ่ที่สุดประสบความล้มเหลว

สำหรับกองทัพยูเครนก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้วว่ามีความสามารถในการประคับประคองให้อยู่รอดต่อไปได้ถึงแม้ประสบความสูญเสียอย่างหนักหน่วง และยังคงกำลังสกัดกั้นการรุกของฝ่ายรัสเซียเอาไว้ได้ในพื้นที่ส่วนใหญ่ กองทัพยูเครนยังแสดงให้เห็นความฉลาดเฉียบแหลมในเรื่องการใชโดรน รวมทั้งได้รับของขวัญในรูปของอาวุธยุทโธปกรณ์ฝ่ายตะวันตกปริมาณมากมายทีเดียว ซึ่งบางชิ้นบางอย่างมีคุณภาพดีกว่าที่รัสเซียมีอยู่

ยุทธศาสตร์ของฝ่ายรัสเซีย เท่าที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในเวลานี้ ดูเหมือนมุ่งหมายที่จะเตรียมตัวให้พรักพร้อมเพื่อรักษาการควบคุมเหนือภูมิภาคดอนบาส (แคว้นโดเนตสก์ และแคว้นลูฮันสก์) และแคว้นซาโปริซเซีย ให้มั่นคง เวลาเดียวกันก็พยายามทำให้ฝ่ายยูเครนประสบการบาดเจ็บล้มตายอย่างสำคัญ “กระบวนการ” นี้ –ถ้าหากสามารถเรียกว่ามันเป็นกระบวนการได้— ย่อมไม่สามารถยุติสงครามคราวนี้ไปในทางที่รัสเซียพึงประสงค์ และจวบจนถึงเวลานี้แล้วอย่างน้อยที่สุดก็พูดได้ว่าไม่สามารถทำลายกองทัพยูเครนให้พังครืนลงได้ กระนั้น เวลาเดียวกัน การปฏิบัติการของฝ่ายรัสเซียยังไม่สามารถที่จะเรียกได้ว่า “ไร้จุดมุ่งหมาย” อย่างที่ทรัมป์เสนอแนะ กองทัพรัสเซียนั้นดูเหมือนจะติดอยู่ในวงล้อมใหญ่ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเอง

ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก (จากทั้งสองข้างของการสู้รบขัดแย้งนี้) จะต้องโต้แย้งการวิเคราะห์ข้างบนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทรัมป์กล่าวในทรูธโซเชียลคราวนี้ ก็มีประเด็นที่หนักแน่นอยู่ประการหนึ่ง นั่นคือ รัสเซียไม่สามารถที่จะประคับประคองให้สงครามและความสูญเสียทั้งทางเศรษฐกิจและทั้งด้านมนุษย์ยืดเยื้อออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ยกเว้นแต่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกระบวนทัศน์ขึ้นมา

ในอีกด้านหนึ่งของเหรียญ มันก็กำลังเกิดสถานการณ์ทำนองเดียวนี้เหมือนกัน ได้แก่ มันเป็นเรื่องยากลำบากที่จะพยุงยูเครนเอาไว้อย่างนี้เรื่อยๆ ไป ซึ่งหมายถึงค่าใช้จ่ายทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และเงินทองจำนวนมากขึ้นๆ

นายกรัฐมนตรี ฟรีดิช เมร์ซ ของเยอรมนี เวลานี้ต้องการให้นำเอาสินทรัพย์รัสเซียที่ฝ่ายตะวันตกยึดเอาไว้ ออกมาใช้จ่ายในเรื่องยูเครน เหตุผลสำคัญที่สุดเนื่องมาจากเยอรมนีไม่ได้มีเงินทองอะไรอีกแล้วสำหรับจะเจียดให้แก่ยูเครน (หรือกระทั่งสำหรับเรื่องต่างๆ มากมาย ในเมื่อเศรษฐกิจเยอรมนีเองกำลังอยู่ตรงปากขอบเหวของความหายนะ) เขาอาจจะชักชวนพวกหุ้นส่วนชาวยูโรของเขาเดินหน้าไปด้วยกัน และนำเอาเงินทองรัสเซียที่ยึดเอาไว้อย่างผิดกฎหมายมาใช้จ่าย ซึ่งรัสเซียอาจจะถือว่านี่คือพฤติการณ์ของการทำสงครามกัน และแล้วจากการที่พวกยุโรปนำเอาเงินทองรัสเซียมาใช้จ่าย มันก็อาจจบลงด้วยการที่พวกเขาเองนั่นแหละกำลังกระตุ้นส่งเสริมให้คำทำนายที่พวกเขาหวาดกลัวกลายเป็นความจริงขึ้นมา นั่นคือ รัสเซียบุกเข้าไปในยุโรป

เป็นความย้อนแย้งอย่างแท้จริง เรื่องเล่าที่ เซเลนสกี พยายามผูกโยงขึ้นมาในเรื่องการเอาชนะสงครามครั้งนี้ และการใกล้พังครืนลงมาเต็มทีของรัสเซีย –ซึ่งเขาตั้งใจที่จะใช้เป็นหนทางหนึ่งในการเรียกร้องความสนับสนุนให้แก่ยูเครนเพิ่มมากขึ้น— กลับประสบความล้มเหลวไม่อาจใช้กับทรัมป์ได้ และปล่อยทิ้งให้ยุโรปตกอยู่ในอาการซวนเซ

ทางยุโรปสามารถที่จะยังคงตีฆ้องร้องป่าวต่อไปอย่างไม่ยอมเลิกรา ทว่ามันเป็นสิ่งที่มีอันตรายมาก หรือไม่เช่นนั้นพวกเขาก็สามารถบอกเซเลนสกี ให้กระทำสิ่งที่ทรัมป์ได้เคยบอกเขามาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งได้แก่การทำข้อตกลง โดยบางทีกระทั่งฝ่ายรัสเซียก็มีความพรักพร้อมแล้วสำหรับเรื่องนี้

สตีเฟน ไบรเอน เป็นผู้สื่อข่าวพิเศษของเอเชียไทมส์ และเป็นอดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหมฝ่ายนโยบายของสหรัฐฯ ข้อเขียนชิ้นนี้ทีแรกสุดปรากฏอยู่บนจดหมายข่าว Weapons and Strategy ในแพลตฟอร์ม Substack ของเขา
กำลังโหลดความคิดเห็น