สหรัฐฯกำลังดำเนินการยกระดับผลิตขีนาวุธ ในการเตรียมพร้อมรับมือความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกับจีน ตามรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อวันจันทร์(29ก.ย.) ทั้งนี้มีข่าวว่าเพนตากอนกดดันให้บรรดาบริษัทผู้รับเหมากลาโหมทั้งหลาย เพิ่มกำลังผลิตเป็น 2 เท่าหรือ 4 เท่า ท่ามกลางความกังวลว่าคลังแสงอาวุธอาจไม่เพียงพอ
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเริ่มขับเคลื่อนแผนการนี้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ครั้งที่พวกเขาเชิญบรรดาผู้ผลิตขีปนาวุธลำดับต้นๆของประเทศ มาประชุมโต๊ะกลมที่เพนตากอน แหล่งข่าวเปิดเผยกับวอลล์สตรีท เจอร์นัล
การประชุมที่นำโดย พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม และพลอากาศเอกแดน เคน ประธานคณะเสนาธิการร่วมแห่งกองทัพสหรัฐฯ มีบริษัทผู้รับเหมาด้านอาวุธรายใหญ่เข้าร่มด้วยหลายราย เช่นเดียวกับบริษัทสตาร์ทอัปอย่าง Anduril Industries และเหล่าซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนสำคัญๆ
สตีฟ ไฟน์เบิร์ก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีบทบาทด้านการปฏิบัติอย่างที่ไม่ปกติในความพยายามนี้ ที่มีชื่อว่า "คณะกรรมการเร่งรัดกระสุน" ตามรายงานของสื่อมวลชนบางแห่ง ในขณะที่วอลล์สตรีท เจอร์นัล เน้นว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้ได้ต่อสายโทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับพวกผู้บริหารบางคนเป็นรายสัปดาห์ เพื่อสอบถามติดตามความคืบหน้า
"ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐมนตรีเฮกเซธ กำลังสำรวจลู่ทางพิเศษในการขยายแสนยานุภาพทางทหารของเราและเร่งกำลังผลิตกระสุน" ฌอน พาร์เนลล์ โฆษกเพนตากอนบอกกับวอลล์สตรีท เจอร์นัล "ความพยายามนี้เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างพวกผู้นำอุตสาหกรรมกลาโหมและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน"
คณะกรรมการเร่งรัดด้านกระสุนที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่นี้ จะมุ่งเน้นไปที่อาวุธ 12 ชนิด ที่ทางเพนตากอนต้องการมีไว้ในครอบครอง สำหรับรับมือกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกับจีน ตามรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล
อย่างไรก็ตามพวกเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญบางส่วน แสดงความกังวลว่าเป้าหมายของเพนตากอนอาจไม่เป็นจริง โดยอ้างข้อเท็จจริงที่ว่าการประกอบระบบขีปนาวุธบางรุ่นอาจใช้เวลานานสูงสุดถึง 2 ปี ขณะเดียวกันพวกซัพพลายเออร์เจ้าใหม่ที่ผ่านการรับรอง อาจจำเป็นต้องใช้ทุนหลายร้อนล้านดอลลาร์ เพื่อรับประกันว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขานั้นจะตรงตามมาตรฐานของกองทัพ
วอลล์สตรีท เจอร์นัล อ้างความเห็นของพวกนักวิเคราะห์ ระบุต่อว่าในส่วนของงบประมาณก็เป็นอีกหนึ่งในความกังวลเช่นกัน โดยในขณะที่ร่างงบประมาณ "ที่ใหญ่โตและสวยงาม" ได้รับความเห็นชอบจากวอชิงตัน จัดสรรงบพิเศษ 25,000 ล้านดอลลาร์ในการใช้จ่ายด้านกระสุนในช่วง 5 ปีข้างหน้า แต่กับเป้าหมายใหม่นี้ของเพนตากอน อาจจำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มเติมอีกหลายหมื่นล้านดอลลาร์
สหรัฐฯ มองจีนในฐานะคู่อริหลักในทางยุทธศาสตร์ สืบเนื่องจากการที่ปักกิ่งยกระดับปรับปรุงกองทัพให้มีความทันสมัยอย่างรวดเร็ว ขยายอิทธิพลในอินโด-แปซิฟิก และจากคำกล่าวหาที่ว่าปักกิ่งถาโถมแรงกดดันเข้าใส่ไต้หวันหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้วอชิงตันกังวลว่าจีนอาจพยายามบีบบังคับรวมชาติกับเกาะปกครองตนเองแห่งนี้ โหมกระพือความเป็นไปได้ของความขัดแย้งระดับภูมิภาคที่อาจลากกองกำลงอเมริกาเข้าร่วมวงด้วย
จีนปฏิเสธคำกล่าวหาเหล่านี้ เน้นย้ำว่าเรื่องไต้หวันเป็นประเด็นภายใน และกล่าวหาสหรัฐฯกำลังโหมกระพือความตึงเครียด ด้วยการป้อนอาวุธแก่ไทเปและยุยงปลุกปั่นความรู้สึกแบ่งแยกดินแดน
(ที่มา:วอล์สตรีทเจอร์นัล/อาร์ทีนิวส์)