เจนเซน หวง ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Nvidia ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ ชี้ว่าการอนุญาตให้บริษัทอเมริกันอย่าง Nvidia เข้าไปแข่งขันในจีนนั้นสอดคล้องกับผลประโยชน์ของทั้งปักกิ่งและวอชิงตัน ท่ามกลางความพยายามของผู้เล่นในจีนที่กำลังเตรียมความพร้อมไปสู่การเลิกพึ่งพา Nvidia
หวง ระบุว่า สหรัฐฯ ควรอนุญาตให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของตนออกไปแข่งขันในระดับสากล รวมถึงในจีนด้วย เพื่อ "เผยแพร่เทคโนโลยีไปทั่วโลก" และ "เพิ่มความสำเร็จทางเศรษฐกิจและอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ของอเมริกาสู่ระดับสูงสุด"
หวง กล่าวว่า เทคโนโลยีชิปของจีน "ตามหลังสหรัฐฯ อยู่เพียงระดับนาโนวินาที" เท่านั้น "ดังนั้นเราจึงต้องแข่งขัน" โดยเน้นย้ำถึงความก้าวหน้าของจีนในการพัฒนาชิปและศักยภาพด้านการผลิต เขายังชี้ให้เห็นถึงกลุ่มผู้มีความสามารถมากมาย วัฒนธรรมการทำงานที่เร่งรีบ และการแข่งขันกันเองภายในระหว่างมณฑลต่างๆ ของจีน
“นี่คืออุตสาหกรรมที่มีชีวิตชีวา เปี่ยมไปด้วยผู้ประกอบการ ไฮเทค และทันสมัย” เขากล่าวในรายการพอดแคสต์ BG2 ซึ่งจัดโดยนักลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่าง แบรด เกิร์สต์เนอร์ และบิล เกอร์ลีย์
หวง เสริมว่า เขาคาดหวังและเชื่อว่าจีนจะยังคงเปิดรับการลงทุนจากภายนอก โดยระบุว่าปักกิ่งได้ให้คำมั่นที่จะรักษา “ตลาดที่เปิดกว้าง” เอาไว้
“สิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดของจีนก็คือ การที่บริษัทต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในจีน แข่งขันในจีน และให้พวกเขามีการแข่งขันที่คึกคักเช่นกัน” หวง กล่าวในรายการที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (26) “พวกเขายังต้องการก้าวออกมาจากจีน และมีส่วนร่วมในระดับโลกด้วย”
หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของ Nvidia ถือเป็นแกนหลักของการฝึกอบรมและการใช้งานโมเดลปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งช่วยผลักดันให้มูลค่าตลาดของบริษัทพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม ยอดขายไปยังจีนซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกกลับถูกขัดขวางด้วยความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้สั่งห้ามการส่งออกชิป H20 ซึ่งเป็นชิปที่ถูกปรับลดคุณภาพเพื่อให้สอดคล้องกับข้อจำกัดส่งออกไปจีน ก่อนที่จะยอมผ่อนปรนหลังจากที่บริษัทมีการทำข้อตกลงแบ่งรายได้ 15% ให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ
กระนั้นก็ตาม ท่าทีของหน่วยงานกำกับดูแลของจีนยังคงคลุมเครือ โดยแม้ว่าจีนจะให้การต้อนรับ หวง อย่างอบอุ่นเมื่อเขาเดินทางไปเยือน แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงผลักดันให้ภาคธุรกิจของจีนพึ่งพาตนเองในด้านเซมิคอนดักเตอร์
บริษัทด้านเอไอและเซมิคอนดักเตอร์ของจีนต่างเร่งเปิดตัวชิปทางเลือกภายในประเทศ ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของ Nvidia ซึ่งครั้งหนึ่งเคยครองตลาดอยู่ลดลงเรืรอยๆ
ในเดือนนี้ หัวเว่ย เทคโนโลยี (Huawei Technologies) ได้เปิดเผยโรดแมปชิปเอไอที่รอคอยกันมานาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงระเบียบวิธีต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพา Nvidia รวมไปถึงเทคนิคการผลิตขั้นสูงที่ปัจจุบันจีนยังเข้าถึงไม่ได้
บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่อย่าง Alibaba Group Holding, Tencent Holdings, ByteDance และ Baidu ต่างก็ลงทุนอย่างหนักในการวิจัยและออกแบบชิป ทั้งผ่านโครงการภายในองค์กรและการลงทุนจากภายนอก เพื่อให้สามารถควบคุมห่วงโซ่อุปทานของตนได้ดียิ่งขึ้น
บริษัทสตาร์ทอัปจำนวนมากได้รับความสนใจเช่นกัน มูลค่าของ Cambricon Technologies พุ่งสูงขึ้น Moore Threads Technology กำลังเตรียมเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์ Star Market ของเซี่ยงไฮ้ เช่นเดียวกับ Enflame และ MetaX ที่กำลังได้รับความสนใจเช่นกัน
ระหว่างให้สัมภาษณ์ผ่านพอดแคสต์ หวง ได้ปัดข้อสงสัยที่ว่าอุตสาหกรรมเอไอกำลังเผชิญกับภาวะล้นตลาด
"จนกว่าเราจะเปลี่ยนการประมวลผลทั่วไปทั้งหมดให้เป็นการประมวลผลแบบเร่งความเร็วและเอไอ อย่างเต็มรูปแบบ... ผมคิดว่าโอกาส [ที่จะเกิดภาวะล้นตลาด] นั้นต่ำมาก" เขากล่าว
"ไม่มีใครต้องการระเบิดปรมาณู ทุกคนต้องการเอไอ"
เมื่อเร็วๆ นี้ Nvidia ได้เปิดตัวการลงทุนครั้งใหญ่หลายรายการ รวมถึงการเข้าซื้อหุ้น 4% ใน Intel มูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังวางแผนที่จะลงทุนสูงสุด 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน OpenAI ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลเอไอ ข้อตกลงเหล่านี้มีส่วนช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน และดันราคาหุ้นของ Nvidia พุ่งขึ้นกว่า 62% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเป็น 178 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 4.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา: เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์