xs
xsm
sm
md
lg

ขุนคลังสหรัฐฯ ชี้ไต้หวันคือ 'จุดล้มเหลวที่ใหญ่ที่สุดของโลก' เหตุผูกขาดการผลิต 'ชิปขั้นสูง' เกือบทั้งหมด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกมาเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วต่อกรณีที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลกพึ่งพา "ไต้หวัน" มากเกินไป พร้อมชี้ว่าไต้หวันคือ "จุดล้มเหลวที่ใหญ่ที่สุด" เนื่องจากผูกขาดการผลิตโปรเซสเซอร์ที่ทันสมัยที่สุดเป็นส่วนใหญ่

เบสเซนต์ ให้สัมภาษณ์กับ Fox Business (ผ่านทาง SemiVision) โดยเรียกร้องให้เร่งกระจายฐานการผลิตชิปไปยังประเทศอื่นๆ ที่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรงหากเกิดการหยุดชะงักขึ้นในไต้หวัน

“จุดล้มเหลวที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับเศรษฐกิจโลกคือ 99% ของชิปประสิทธิภาพสูงผลิตในไต้หวัน” เบสเซนต์ กล่าวตามรายงานของรอยเตอร์ “พวกเขาทำงานได้ดี มีระบบนิเวศที่ยอดเยี่ยม แต่ในแง่ของการบริหารความเสี่ยง ผมไม่แน่ใจว่า 30%, 40% หรือ 50% ของความต้องการของเรา เราจะต้องนำกลับคืนสู่สหรัฐอเมริกาหรือพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นหรือตะวันออกกลาง และเรากำลังดำเนินการเรื่องนี้อยู่ทุกวัน”

เบสเซนต์ เน้นย้ำว่า การกระจุกตัวของอุตสาหกรรมที่สำคัญยิ่งยวดในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์เดียวนั้นเป็นสถานการณ์ที่อันตราย หากโรงงานในไต้หวันถูกบังคับให้หยุดการผลิต ไม่ว่าจะเกิดจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติก็ตาม ย่อมจะเกิดผลกระทบเป็นระลอกคลื่นที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีทั่วโลก

เพื่อแก้ไขจุดอ่อนนี้ เบสเซนต์ ได้สรุปความจำเป็นที่จะต้องย้ายฐานการผลิตส่วนใหญ่ราว 30 - 50% ไปยังสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร เช่น ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ประเทศในตะวันออกกลาง แม้จะไม่ได้ระบุปริมาณการผลิตที่แน่นอน แต่เขาย้ำว่าการพึ่งพาศูนย์กลางการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ประสิทธิภาพสูงเพียงแห่งเดียวนั้นไม่ยั่งยืน และเสี่ยงต่อผลกระทบจากปัจจัยภายนอกโดยไม่จำเป็น

เบสเซนต์ ตั้งข้อสังเกตว่า เวลานี้เริ่มมีความพยายามนำภาคการผลิตกลับคืนสู่สหรัฐฯ แม้ว่ารัฐบาล ทรัมป์ จะไม่ได้รับรองกฎหมาย CHIPS and Science Act โดยตรง แต่ก็มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินช่วยเหลือที่ได้ถูกจัดสรรไปแล้ว ในขณะเดียวกันรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันดูเหมือนจะเชื่อว่า การกระตุ้นผู้ผลิตชิปด้วยวิธีกดดันต่างๆ เช่น การกำหนดอัตราภาษีนำเข้า 100% หรือนโยบาย 1:1 ที่เพิ่งมีการหารือกันเมื่อเร็วๆ นี้ มีประสิทธิภาพมากกว่าแนวทางมอบเงินอุดหนุนภายใต้กฎหมาย CHIPS ของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน

รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ชี้ว่าประเด็นนี้ไม่เพียงสำคัญในด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในด้านยุทธศาสตร์ด้วย โดยระบุว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตชิปบนแผ่นดินสหรัฐฯ ถือเป็นประเด็นสำคัญในการกำหนดนโยบายและการวางแผน

อย่างไรก็ดี เบสเซนต์ อาจลืมไปว่าบริษัท Intel ผู้ผลิตโปรเซสเซอร์ Xeon ซึ่งใช้ในการขับเคลื่อนเซิร์ฟเวอร์ส่วนใหญ่ทั่วโลก ผลิตโปรเซสเซอร์ส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ โดยใช้โรงงานและห่วงโซ่การผลิตที่มีอยู่แล้ว

แม้ความเห็นของ เบสเซนต์ จะสะท้อนความตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้นในรัฐบาล ทรัมป์ ว่าเศรษฐกิจยุคใหม่ยังคงพึ่งพาส่วนแคบๆ ในห่วงโซ่อุปทานโลก และความจริงที่ว่าบริษัท TSMC ของไต้หวันเป็นผู้ผลิตชิปตรรกะขั้นสูงที่ใหญ่ที่สุดในโลกเวลานี้ แต่การที่เขาลืมนึกถึง Intel ซึ่งผลิตชิปก้าวหน้าที่สุดในสหรัฐอเมริกา และ Samsung ซึ่งดำเนินกิจการทั้งในอเมริกาและเกาหลีใต้ ก็แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังมองข้ามภาพรวมทั้งหมดไป

ที่มา: Tom's Hardware
กำลังโหลดความคิดเห็น