xs
xsm
sm
md
lg

ทำเนียบขาวแจง“H-1B”ของชาวต่างชาติ จ่ายทีเดียวจบ-ใช้กับผู้ขอวีซ่าใหม่เท่านั้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอพี – ทำเนียบขาวคลายข้อกังวล ระบุวีซ่าใหม่ที่พนักงานไฮเทคมีทักษะต้องจ่าย 100,000 ดอลลาร์จะใช้กับผู้ขอวีซ่าใหม่เท่านั้น หลังแผนการยกเครื่องระบบคนเข้าเมืองของทรัมป์สร้างความสับสนให้แรงงานต่างชาติ

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 ก.ย.) ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำประกาศที่กำหนดค่าธรรมเนียมใหม่ของวีซ่า H-1B สำหรับแรงงานทักษะสูง ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากของบริษัทเทคโนโลยี โดยมีผลบังคับใช้นับจากเวลา 12.01 น.วันอาทิตย์ (21 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นของอเมริกา และจะหมดอายุภายใน 1 ปี แต่อาจมีการขยายออกไป หากรัฐบาลเห็นว่า เป็นประโยชน์ต่อประเทศ

ในวันเสาร์ (20 ก.ย.) แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว อธิบายผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า ผู้ที่ถือวีซ่าประเภทดังกล่าวอยู่แล้วและขณะนี้อยู่ต่างประเทศจะไม่ต้องเสียค่าธรรม 100,000 ดอลลาร์เมื่อต้องการเดินทางกลับไปยังอเมริกา พร้อมย้ำว่า ข้อกำหนดใหม่ใช้กับผู้ขอวีซ่าใหม่เท่านั้น

กระนั้น แคธลีน แคมป์เบลล์ วอล์กเกอร์ นักกฎหมายด้านคนเข้าเมือง ระบุว่า การเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของทำเนียบขาวจะเพิ่มความสับสนวุ่นวายให้แก่พนักงานมีทักษะจำนวนมากและส่งผลกระทบกว้างขวางต่อธุรกิจอเมริกา เนื่องจากเมื่อวันศุกร์ โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ค่าธรรมเนียมใหม่จะเป็นต้นทุนรายปีสำหรับบริษัท แต่มาวันเสาร์ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกลับบอกว่า เป็นค่าธรรมเนียมแบบจ่ายครั้งเดียวและไม่มีการต่ออายุ

ขณะเดียวกัน ในวันเสาร์ กระทรวงต่างประเทศอินเดียได้เตือนว่า กฎใหม่ของอเมริกาอาจทำให้ค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับพนักงานด้านเทคโนโลยีจากประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบด้านมนุษยธรรมจากการทำให้รายได้ของครัวเรือนสะดุด ทั้งนี้ ผู้ถือวีซ่า H-1B มากกว่า 70% เป็นคนอินเดีย

นอกจากนั้นยังมีผู้วิจารณ์ว่า วีซ่า H-1B ตัดราคาแรงงานอเมริกัน เนื่องจากวีซ่าประเภทนี้ที่กำหนดให้ผู้ขอต้องมีวุฒิการศึกษาขั้นต่ำระดับปริญญาตรีนั้น เป็นวีซ่าสำหรับแรงงานมีทักษะสูงที่บริษัทเทคโนโลยีต้องการอย่างมาก และดึงดูดแรงงานจากต่างแดนที่มักยินดีทำงานแลกกับรายได้แค่ปีละ 60,000 ดอลลาร์ ขณะที่แรงงานภาคเทคโนโลยีของอเมริกาได้เงินเดือนพื้นฐานเกือบ 100,000 ดอลลาร์

ทรัมป์ยืนยันเมื่อวันศุกร์ว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะไม่ต่อต้านกฎใหม่นี้ ขณะที่ลุตนิกอ้างว่า บริษัทบิ๊กเทคทั้งหมดเห็นด้วย ส่วนบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ อาทิ อะเมซอน แอปเปิล กูเกิล และเมตา ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้

ทางด้านหอการค้าอเมริกัน แถลงว่า กำลังร่วมกับคณะบริหารและสมาชิกเพื่อทำความเข้าใจนัยทั้งหมดและแนวทางที่ดีที่สุดเกี่ยวกับกฎวีซ่าใหม่

ทรัมป์ยังเปิดตัววีซ่า “บัตรทอง” มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สำหรับผู้ที่ต้องการแปลงสัญชาติเป็นพลเมืองอเมริกัน และ 2 ล้านดอลลาร์สำหรับบริษัทที่ต้องการให้พนักงานแปลงสัญชาติ

สำหรับ “บัตรแพลตินัม” จะมีค่าธรรมเนียม 5 ล้านดอลลาร์ และอนุญาตให้ต่างชาติอยู่ในอเมริกานาน 270 วันโดยไม่ต้องเสียภาษีรายได้ โดยบัตรนี้จะใช้แทนบัตรทองที่มีค่าธรรมเนียม 5 ล้านดอลลาร์เท่ากันและออกมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์เพื่อใช้แทนวีซ่านักลงทุน

ลุตนิกอธิบายว่า บัตรทองและบัตรแพลตินัมจะใช้แทนวีซ่าที่อิงกับการจ้างงานที่รวมถึงอาชีพศาสตราจารย์ นักวิจัย ศิลปิน และนักกีฬา ซึ่งเปิดโอกาสให้มีการแปลงสัญชาติ โดยทรัมป์สามารถอนุมัติบัตรทอง ขณะที่บัตรแพลตินัมต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา

เหล่าผู้ที่เคยวิจารณ์ว่า วีซ่า H-B1 เปิดช่องให้แรงงานต่างชาติเข้าไปแย่งงานแรงงานอเมริกันนั้น พากันยกย่องความเคลื่อนไหวล่าสุดของทำเนียบขาว โดย ยู.เอส. เทค เวิร์กเกอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มสนับสนุนแรงงานภาคเทคโนโลยีของอเมริกา ระบุว่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดรองจากการยกเลิกวีซ่า

ดั๊ก แรนด์ เจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติของอเมริกาในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน วิจารณ์ว่า การขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่าไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง แต่คือการส่งเสริมการกีดกันคนเข้าเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น