(เก็บความจากเอเชียไทมส์ https://asiatimes.com/2025/09/china-russia-gas-pact-heightens-western-sanctions-risks/)
China-Russia gas pact heightens Western sanctions risks
by Jeff Pao
13/09/2025
ข้อตกลงโครงการสายท่อส่งก๊าซ “เพาเวอร์ออฟไซบีเรีย 2” ระหว่างรัสเซียกับจีนได้บทสรุปลงนามกันแล้ว โดยปักกิ่งตกลงอ่อนข้อให้เรื่องแนวเส้นทางเพื่อแลกกับราคาค่าก๊าซที่มอสโกยอมลดลงมา โครงการนี้ซึ่งจะทำให้จีนได้ก๊าซรัสเซียมาใช้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวคาดหมายกันว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงปี 2031-32
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี้ ในการผ่าทางตันของการเจรจาต่อรองเพื่อก่อสร้างสายท่อส่งก๊าซ “เพาเวอร์ออฟไซบีเรีย 2” (Power of Siberia 2) ซึ่งจะนำเอาก๊าซธรรมชาติของรัสเซียปีละ 50,000 ล้านลูกบาศก์เมตรไปยังจีนโดยผ่านมองโกเลีย กำลังได้รับการคาดหมายว่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญมากทั้งต่อภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์และต่อตลาดพลังงาน นี่เป็นความเห็นของพวกนักวิเคราะห์ทั้งฝ่ายจีนและทางตะวันตก
จีน, รัสเซีย, และมองโกเลีย ได้ลงนาม [1] ในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ที่มีผลผูกพันทางกฎหมายฉบับหนึ่ง ในเรื่องการก่อสร้างสายท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เพาเวอร์ออฟไซบีเรีย 2 นี้ เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา จุดสำคัญมากของข้อตกลงคราวนี้ก็คือว่า จีนยอมรับข้อเสนอของรัสเซียในการกำหนดแนวทางวางสายท่อส่งของโครงการนี้ให้ผ่านมองโกเลีย เวลาเดียวกันนั้นมอสโกก็ตกลงเสนอขายก๊าซธรรมชาติของตนในราคาที่ลดต่ำลงให้แก่ปักกิ่ง
ในระยะไม่กี่ปีหลังๆ มานี้ พวกนักให้ความคิดเห็นผ่านสื่อ (คอมเมนเตเตอร์) ทางฝ่ายจีนพากันวิจารณ์คัดค้านว่า การให้แนวทางสายท่อส่งผ่านมองโกเลีย จะเป็นภัยคุกคามความมั่นคงทางด้านพลังงานของจีน เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านไร้ทางออกทางทะเลรายนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนนโยบายโน้มเอียงไปฝักใฝ่ตะวันตก และถึงขั้นปิดสายท่อส่งนี้เสียเลยก็ได้ในช่วงเวลาเกิดภาวะวิกฤตขึ้นมา อย่างไรก็ดี มาถึงตอนนี้พวกเขาหันมาสรรเสริญดีลคราวนี้ว่าเป็นข้อตกลงแบบที่ปักกิ่งและมอสโกต่างก็ “ชนะด้วยกัน” (win-win) ทั้งคู่
หลี่ ลี่ฟาน (Li Lifan) ผู้อำนวยการของศูนย์วิจัยองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization Research Centre) ในบัณฑิตยสภาทางสังคมศาสตร์เซี่ยงไฮ้ (Shanghai Academy of Social Sciences) บอก [2] ว่า ที่ผ่านมา “อุปสรรคสำคัญที่สุดในการเจรจาเรื่องโครงการเพาเวอร์ออฟไซบีเรีย 2 ก็คือเรื่องการเลือกแนวเส้นทาง และการทำความตกลงกันด้านราคา” เขากล่าวต่อไปว่า มาถึงเวลานี้ “ในที่สุดแล้วจีนกับรัสเซียก็ประนีประนอมกัน โดยที่จีนยอมรับเส้นทางผ่านมองโกเลีย ส่วนรัสเซียก็ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องราคาก๊าซและค่าธรรมเนียมการจัดส่ง”
หลี่ กล่าวว่า ข้อตกลงฉบับนี้ถือว่ามีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ เนื่องจากจะทำให้การซื้อขายก๊าซระหว่างรัสเซีย-จีนเพิ่มสูงขึ้นมาก รวมแล้วจะเท่ากับ 106,000 ล้านลูกบาศก์เมตรทีเดียว คิดเป็นประมาณหนึ่งในห้าของความต้องการใช้ก๊าซของจีนในปัจจุบัน
เขายังเน้นย้ำถึงประโยชน์สำคัญ 3 ประการที่เกิดขึ้นจากดีลคราวนี้ ซึ่งได้แก่
**การขยายความร่วมมือด้านพลังงานให้กว้างขวางขึ้นมาก กล่าวคือ แผนที่โรดแมปด้านพลังงานขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ยังจะขยายตัวเลยออกไปจากสายท่อส่งก๊าซ ไปครอบคลุมแหล่งพลังงานต่างๆ หลายหลาก ขณะที่ความร่วมมือกันในอนคตในเรื่องก๊าวธรรมชาติเหลว ยังจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นส่วนประกอบหลักอย่างหนึ่งของความสัมพันธ์ทางด้านพลังงานระหว่างจีน-รัสเซีย
**ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสำหรับมองโกเลีย นั่นคือ สายท่อส่งนี้จะเป็นการให้โอกาสอันสำคัญยิ่งยวดแก่มองโกเลีย ในการกระจายเศรษฐกิจของพวกเขาไปสู่ภาคเศรษฐกิจอื่นๆ อย่างมีความหลากหลายยิ่งขึ้น ในเวลาเดียวกับที่จะทำให้มองโกเลียมีรายได้อย่างงดงามจากค่าธรรมเนียมการจัดส่ง, ลดทอนภาวะมลพิษทางอากาศ, และเพิ่มน้ำหนักคุณค่าทางภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศนี้
**การจับกลุ่มรวมตัวกันใหม่ในเชิงภูมิยุทธศาสตร์ ทั้งนี้ สายท่อส่งเส้นนี้จะเป็นตัวปรับเปลี่ยนโฉมหน้าแผนที่ทางพลังงานของยูเรเชียอย่างแน่นอน โดยทันทีที่สายท่อส่งเริ่มดำเนินการได้ในช่วงราวๆ ปี 2031-2032 รัสเซียจะกลายเป็นผู้จัดส่งพลังงงานที่สำคัญที่สุดและเชื่อถือได้มากที่สุดของจีน
อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าโครงการนี้คงต้องเผชิญความเสี่ยงอยู่หลายประการ โดยที่เขายกยกตัวอย่างความเป็นไปได้เกี่ยวกับอิทธิพลของฝ่ายตะวันตก และการใช้นโยบาย “เพื่อนบ้านรายที่สาม” (Third Neighbor) ของมองโกเลีย ด้วยความประสงค์ที่จะสร้างความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ ด้วยนอกเหนือจากจีนและรัสเซีย กระนั้นเขาก็ย้ำว่า ความร่วมมือกันในระหว่าง จีน, รัสเซีย, และมองโกเลีย สามารถที่จะเพิ่มพูนเสถียรภาพและการเจริญเติบโตขทางเศรษฐกิจของภูมิภาคแถบนี้
เหตุผลที่ทำให้ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นมาได้
การลงนามในเอ็มโอยูสำคัญฉบับนี้ เปิดเผยออกมาเป็นครั้งแรก [3] โดย กาซปรอม (Gazprom) รัฐวิสาหกิจด้านก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย และพวกสื่อมวลชนแห่งรัฐของแดนหมีขาว ซึ่งระบุว่า มอสโกตกลงจัดหาจัดส่งก๊าซปริมาณ 50,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีให้จีน โดยผ่านสายท่อส่งสายใหม่ เพาเวอร์ออฟไซบีเรีย 2 เป็นระยะเวลา 30 ปี อเล็กเซ มิลเลอร์ (Alexei Miller) ประธานบริหารของกาซปรอม บอกกับพวกสื่อมวลชนด้วยว่า ยังมีการทำความตกลงเชิงพาณิชย์แยกต่างหากออกไปเพื่อขยายการจัดส่งก๊าซตามเส้นทางต่างๆ ที่มีอยู่ก่อนแล้วอีกด้วย
สำหรับปักกิ่งนั้นจนถึงขณะนี้ยังคงหลีกเลี่ยงไม่ให้ความคิดเห็นโดยตรงเกี่ยวกับดีลนี้ หรือเผยแพร่รายละเอียดอื่นใดเพิ่มเติม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กัว เจียคุน แถลง [4] ในวันที่ 2 กันยายนว่า “จีนกับรัสเซียมีการร่วมมือกันในทางปฏิบัติในด้านต่างๆ หลายหลาก รวมทั้งพลังงานด้วย ภายใต้หลักการของการให้ความเคารพซึ่งกันและกันและการได้ผลประโยชน์ร่วมกัน”
ในวันที่ 3 กันยายน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้พบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ระหว่างที่จีนจัดการสวนสนามครั้งใหญ่ในกรุงปักกิ่งเพื่อรำลึกถึงชัยชนะ (เหนือระบอบฟาสซิสต์ญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สอง)
คอลัมนิสต์ที่เขียนเรื่องด้านพลังงานผู้หนึ่งซึ่งตั้งฐานอยู่ที่มณฑลเหอเป่ย ให้ความเห็น [5] ว่า จีนถือไพ่เหนือกว่าในการเจรจาคราวนี้ เพราะรัสเซียกำลังตกอยู่ใต้แรงบีบคั้นหนักหน่วงขึ้นทุกทีจากการที่เศรษฐกิจของพวกเขากำลังซวนเซ, การถูกแซงก์ชั่นคว่ำบาตรจากฝ่ายตะวันตก, และสงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อ
“เหตุผลสำคัญที่สุดที่จีนผ่อนปรนจุดยืนของตนให้อ่อนลงในครั้งนี้ก็คือ รัสเซียได้ยินยอมอ่อนข้อให้อย่างไม่เคยมีมาก่อนในเรื่องราคา” คอลัมนิสต์ผู้นี้บอก “ถ้าหากก๊าซราคาถูกลงมาเพียงพอแล้ว การใช้เส้นทางผ่านมองโกเลียก็สมเหตุสมผลในทางเศรษฐกิจ”
เขาชี้ให้เห็นด้วยว่า เส้นทางบกผ่านมองโกเลียนี้ยังสามารถลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ ให้ลดต่ำลงอีกด้วย เนื่องจากมันจะเปิดทางให้จีนลดการพึ่งพาอาศัยอย่างมหาศาลเหลือเกิน ต่อก๊าซธรรมชาติเหลวที่ขนส่งทางเรือผ่านทางช่องแคบมะละกาซึ่งถือเป็นจุดอ่อนเปราะทางด้านความมั่นคง เขาบอกอีกว่าการมีระเบียงขนส่งพลังงานทางบกที่ถือว่ามีความมั่นคงปลอดภัยเช่นนี้ คือผลดีทางยุทธศาสตร์อันสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับจีนในสภาพแวดล้อมของโลกที่ไร้ความแน่นอนของทุกวันนี้
ทางด้านคอลัมนิสต์ผู้หนึ่งที่ตั้งฐานอยู่ในมณฑลหูหนาน และเป็นที่รู้จักกันในนามว่า “เจียซินน้อย” (Little Jiaxin) ระบุ [6] ว่า “ทางรัสเซียรับประกันว่า ถ้าหากมองโกเลียสร้างความยุ่งยากขึ้นมา จีนก็สามารถจะใช้เส้นทางอื่นเป็นทางเลือกแทนได้ –โดยที่รัสเซียจะเป็นผู้แบกรับค่าใช้จ่ายซึ่งเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนไปใช้เส้นทางจัดส่งก๊าซโดยผ่านคาซักสถาน” และเธอบอกอีกว่า “การมีข้อกำหนดที่เป็นทางเผื่อเรียกเอาไว้เช่นนี้ ในที่สุดแล้วก็ทำให้จีนเกิดความรู้สึกมั่นใจ หากไม่มีข้อกำหนดนี้แล้ว การเจรจาอาจจะไม่มีทางคืบหน้ามาไกลถึงขนาดนี้ได้เลย”
เธอเสริมว่า คำมั่นสัญญาเช่นนี้ส่งผลให้หมดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ข้อที่ได้คอยตามหลอกหลอนการเจรจาต่อรองเรื่องนี้มาเป็นเวลามากกว่า 1 ทศวรรษแล้ว
กระทั่งจนถึงเมื่อปี 2024 จีนยังคงมีการเสนอ [7] ให้ใช้เส้นทางผ่านคาซัคสถาน แทนที่เส้นทางผ่านมองโกเลีย ทว่ามอสโกมองว่ามันเป็นเส้นทางที่ยาวเกินไปและแพงเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับเส้นทางมองโกเลียซึ่งสั้นกว่าและราคาถูกกว่า
ภูมิรัฐศาสตร์และการตอบสนองจากฝ่ายตะวันตก
นักวิเคราะห์ของฝ่ายตะวันตกบางคนกล่าวว่า การที่จีนมีท่าทีไม่กระตือรือร้นในการยืนยันว่ามีการตกลงดีลนี้แล้ว แสดงให้เห็นว่าฝ่ายจีนไม่ได้รีบร้อนที่จะบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้าย อย่างไรก็ดี ผู้สังเกตการณ์บางรายเชื่อว่าจีนเพียงแต่กำลังพยายามโลว์โพรไฟล์เอาไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกฝ่ายตะวันตกแซงก์ชั่นหรือเล่นงานด้วยมาตรการทางภาษีศุลกากร
ในความเป็นจริงแล้ว ศักยภาพความสามารถในการจัดส่งก๊าซปีละ 50,000 ล้านลูกบาศก์เมตรตามที่วางแผนการกันไว้ของ เพาเวอร์ออฟไซบีเรีย 2 จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับของสายท่อส่งก๊าซ นอร์ดสตรีม 1 (Nord Stream 1) ที่เคยใช้จัดส่งก๊าซธรรมชาติรัสเซียไปให้แก่ยุโรปในปริมาณปีละ 55,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ทว่าเวลานี้ข้อตกลงนี้พังครืนลงเสียแล้ว
ก่อนหน้าที่รัสเซียยกทัพรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 แดนหมีขาวส่งออกก๊าซไปยังยุโรปมากกว่า 150,000 ล้านลูกบาศก์เมตรในแต่ละปี โดยผ่านโครงข่ายสายท่อส่งสำคัญๆ หลายๆ สาย ซึ่งรวมไปถึง นอร์ดสตรีม ที่วางลอดใต้ทะเลบอลติกจากรัสเซียไปที่เยอรมนี, ยามาล-ยุโรป (Yamal-Europe) ที่ผ่านโปแลนด์, เติร์กสตรีม (TurkStream) ซึ่งลอดใต้ทะเลดำ ตลอดจนสายท่อส่งเก่าแก่กว่านั้นที่วางผ่านดินแดนยูเครน
หลังจากรัสเซียรุกรานยูเครน เยอรมนีได้ระงับโครงการนอร์ดสตรีม 2 (Nord Stream 2) ที่ขณะนั้นสร้างเสร็จและเตรียมจะเปิดใช้งานได้อยู่แล้ว โดยที่มันจะเพิ่มปริมาณก๊าซรัสเซียจัดส่งไปยังเยอรมนีขึ้นอีก 1 เท่าตัวเป็น 110,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และสหภาพยุโรปก็มีมติให้บรรดาชาติสมาชิกตัดลดการพึ่งพาอาศัยพลังงานรัสเซีย ผลก็คือ อียูนำเข้าก๊าวรัสเซียลดฮวบลงมาจากระดับ 150,000 ล้านลูกบาศก์เมตรเมื่อปี 2021 เหลือ 52,000 ล้านลูกบาศก์เมตรในปีที่แล้ว [8] ทำให้ส่วนแบ่งของก๊าซรัสเซียในยอดรวมพลังงานทั้งหมดของยุโรปลดฮวบลงจากระดับ 45% เหลือ 19%
ความเสื่อมทรุดเช่นนี้เร่งรัดให้มอสโกต้องหันมาให้ความสำคัญที่สุดกับทางตะวันออก โดยที่สำคัญแล้วก็คือมายังประเทศจีน ปักกิ่งแสดงท่าทียินดีที่จะได้ก๊าซราคาถูก แต่ก็ไม่ต้องการที่จะสร้างความโกรธขึ้งให้แก่อียู ซึ่งต้องลำบากเดือดร้อนทั้งจากค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและด้านการป้องกันที่เพิ่มสูงขึ้น สืบเนื่องจากสงครามยูเครนอันยืดเยื้อ
ข้อตกลงเรื่อง เพาเวอร์ออฟไซบีเรีย 2 คราวนี้ ยังเกิดขึ้น [9] หลังจากที่เมื่อเดือนที่แล้วประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ พยายามผลักดันให้มีข้อตกลงหยุดยิงระหว่างมอสโกกับเคียฟ นอกจากนั้นทรัมป์ยังประกาศขึ้นภาษีศุลกากรอัตรา 25% เอากับอินเดียเพื่อลงโทษที่แดนภารตะยังคงซื้อหาน้ำมันรัสเซีย อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯไม่ได้ทำอย่างเดียวกันนี้กับจีน ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเจรจาต่อรองทำความตกลงเรื่องการจัดส่งเซมิคอนดักเตอร์และแร่แรร์เอิร์ธให้แก่กัน
โจเซฟ เว็บสเตอร์ (Joseph Webster) และ แลนดอน ดีเรนตซ์ (Landon Derentz) 2 นักวิเคราะห์จากศูนย์พลังงานโลก (Global Energy Center) ของสภาแอตแลนติก (Atlantic Council) กลุ่มคลังสมองที่ตั้งฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ร่วมกันเขียนบทวิเคราะห์ที่ระบุ [10] ว่า ข้อตกลงเพาเวอร์ออฟไซบีเรีย 2 อาจบ่อนทำลายความพยายามของฝ่ายตะวันตกในการปิดล้อมควบคุมสงครามที่รัสเซียทำอยู่ในยูเครน
“จีนคือคู่ค้ารายสำคัญที่สุดของรัสเซีย และเป็นผู้จัดหาจัดส่งความสนับสนุนด้านฐานอุตสากรรมการทหารที่ไม่อาจขาดได้ของมอสโก” พวกเขาเขียนเอาไว้เช่นนี้ “ความผูกพันทางด้านก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ มีความเสี่ยงในการทำให้สงครามในยูเครนยืดเยื้อออกไปอีก จากการส่งผลประคับประคองเศรษฐกิจของรัสเซียและช่วยค้ำจุนปูตินในทางการเมือง”
พวกเขาเสนอแนะว่า “สหรัฐฯและเหล่าพันธมิตรยุโรปของสหรัฐฯควรที่จะพิจารณาร่วมกันพุ่งเป้าใช้มาตรการแซงก์ชั่นทุติยภูมิ (secondary sanctions) เอากับพวกบริษัทพลังงานรัสเซีย และกิจการของจีนที่กำลังกำลังช่วยเหลือความพยายามในการทำสงครามของรัสเซีย หรือทั้งคู่เลย”
เวลาเดียวกัน มีรายงานว่าพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐนได้ส่งสัญญาณ [11] ว่า วอชิงตันจะรบเร้าพวกชาติหุ้นส่วนของตนในกลุ่ม จี7 พิจารณาใช้ภาษีศุลกากรอัตราระหว่าง 50% ถึง 100% เอากับสินค้าเข้าทั้งหมดของจีนและอินเดีย โทษฐานที่ทั้ง 2 ชาตินี้ซื้อหาน้ำมันและก๊าซรัสเซีย เพื่อเป็นหนทางในการตัดทอนรายรับด้านพลังงานที่เป็นตัวประคับประคองความพยายามในการทำสงครามของมอสโก
เชิงอรรถ
[1] https://www.themoscowtimes.com/2025/09/02/russia-and-china-sign-deal-to-advance-power-of-siberia-2-pipeline-a90403
[2]https://baijiahao.baidu.com/s?id=1843037540446970254&wfr=spider&for=pc
[3] https://www.msn.com/en-gb/money/other/gazprom-says-russia-china-agree-on-gas-pipeline/vi-AA1LLm45#details
[4]https://www.mfa.gov.cn/eng/xw/fyrbt/lxjzh/202509/t20250902_11700617.html
[5]https://baijiahao.baidu.com/s?id=1842429998866562585&wfr=spider&for=pc
[6]https://mbd.baidu.com/newspage/data/landingsuper?context=%7B%22nid%22%3A%22news_9098164677711273734%22%7D&n_type=1&p_from=4
[7] https://asiatimes.com/2024/05/power-of-siberia-2-to-close-deal-or-re-route/
[8] https://energy.ec.europa.eu/news/repowereu-3-years-commission-takes-stock-progress-phase-out-russian-fossil-fuels-2025-05-16_en
[9]https://www.thehindu.com/news/international/imposed-tariffs-against-india-for-purchasing-russian-energy-products-trump-administration-tells-us-supreme-court/article70012708.ece
[10] https://www.atlanticcouncil.org/blogs/new-atlanticist/why-china-and-russia-are-unlikely-to-move-the-power-of-siberia-2-pipeline-forward/
[11] https://www.ft.com/content/51ea9210-078f-42d7-a4ba-5ad985902761