รัฐบาลเอสโตเนียเผย เครื่องบินรบรัสเซีย 3 ลำได้ละเมิดน่านฟ้าของเอสโตเนียซึ่งเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เป็นเวลา 12 นาที เมื่อวันศุกร์ (19 ก.ย.) ถือเป็นการรุกล้ำที่ "อุกอาจอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน" และนับเป็นปฏิบัติการทางทหารครั้งล่าสุดของรัสเซียที่สร้างความหวั่นไหวให้กับกลุ่มพันธมิตร
กระทรวงกลาโหมรัสเซียปฏิเสธว่าเครื่องบินรบของตนไม่ได้ละเมิดน่านฟ้าเอสโตเนีย และอ้างว่าบินเหนือน่านน้ำที่เป็นกลาง
ด้วยความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นอยู่แล้วจากสงครามในยูเครน การรุกล้ำนี้เกิดขึ้นเพียง 1 สัปดาห์เศษๆ หลังจากที่โดรนของรัสเซียกว่า 20 ลำได้รุกล้ำน่านฟ้าของโปแลนด์ในคืนวันที่ 9-10 กันยายน ซึ่งทำให้เครื่องบินรบของนาโตต้องยิงโดรนเหล่านั้นตก และเจ้าหน้าที่ฝ่ายตะวันตกชี้ว่า รัสเซียจงใจท้าทายเพื่อทดสอบความพร้อมและความมุ่งมั่นของนาโต
เหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้น 3 วันหลังจากที่รัสเซียและเบลารุสปิดฉากการซ้อมรบร่วม "Zapad-2025" ซึ่งมีการซ้อมยิงอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียด้วย
รัฐบาลทาลลินน์ ระบุว่า เครื่องบินขับไล่ MiG-31 จำนวน 3 ลำได้รุกล้ำน่านฟ้าเอสโตเนียโดยไม่ได้รับอนุญาต และอยู่นานถึง 12 นาที ก่อนที่จะถูกบังคับให้ถอยออกไป ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวเครื่องบินความเร็วสูงเหล่านี้อาจบินผ่านพื้นที่กว้างใหญ่ของประเทศ
“รัสเซียได้รุกล้ำน่านฟ้าเอสโตเนียไปแล้วถึง 4 ครั้งในปีนี้ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ แต่การรุกล้ำในวันนี้ซึ่งมีเครื่องบินมากถึง 3 ลำ ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน” มาร์กุส ซาห์กนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเอสโตเนีย ระบุ
เครื่องบินขับไล่ของรัสเซียมักบินเหนือทะเลบอลติกระหว่างรัสเซียแผ่นดินใหญ่และคาลินินกราด ซึ่งเป็นดินแดนส่วนแยกของรัสเซีย
กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงเมื่อเช้าวันนี้ (20) ว่า เครื่องบินรบของพวกเขาบินเหนือน่านน้ำที่เป็นกลางของทะเลบอลติก โดยบินจากทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซียไปยังดินแดนคาลินินกราด
“ปฏิบัติการการบินดังกล่าวดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามกฎหมายสากลว่าด้วยน่านฟ้า โดยไม่มีการละเมิดเขตแดนของรัฐอื่นๆ ตามที่ได้รับการยืนยันจากการตรวจสอบอิสระ” กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุ โดยอ้างถึงเครื่องบินขับไล่ MiG-31 ทั้ง 3 ลำในโพสต์บนเทเลแกรม
“ในระหว่างการบิน เครื่องบินรัสเซียไม่ได้เบี่ยงเบนไปจากเส้นทางที่ตกลงกันไว้ และไม่ได้ละเมิดน่านฟ้าของเอสโตเนีย” กระทรวงย้ำ
ด้านโปแลนด์ระบุเมื่อวันศุกร์ (19) ว่า เครื่องบินขับไล่ของรัสเซีย 2 ลำได้ละเมิดเขตปลอดภัยของแท่นขุดเจาะน้ำมัน Petrobaltic ในทะเลบอลติก
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวเมื่อบ่ายวันศุกร์ (19) ว่า เขายังไม่ได้รับฟังรายงานสรุปเหตุการณ์ดังกล่าว แต่คาดว่าจะได้ฟังในไม่ช้า
“ผมไม่ชอบเลย ผมไม่ชอบเวลาที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น” ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว เมื่อถูกถามว่าเขามองว่าการรุกรานของเครื่องบินรบรัสเซียเป็นภัยคุกคามต่อนาโตหรือไม่
“มันอาจเป็นปัญหาใหญ่ ผมจะแจ้งให้ทราบภายหลัง” ทรัมป์ กล่าว
รัฐบาลของ ทรัมป์ กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดว่าจะตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้อย่างไร
ที่ผ่านมาสหรัฐฯ แทบไม่ได้ออกมาพูดอะไรเลยเกี่ยวกับการรุกล้ำของโดรนรัสเซียในโปแลนด์ และไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงในการป้องกัน ก่อให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่สมาชิกนาโตซึ่งตั้งคำถามถึงความมุ่งมั่นของ ทรัมป์ ในการปกป้องพันธมิตรหากเกิดกรณีที่รัสเซียบุกโจมตี
นาโต ชี้ว่า รัสเซียกระทำการอย่างประมาทเลินเล่อ
“ก่อนหน้านี้ในวันนี้ (19) เครื่องบินรบรัสเซียได้ละเมิดน่านฟ้าของเอสโตเนีย นาโตได้ตอบโต้ทันทีและสกัดกั้นเครื่องบินเหล่านั้น นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของพฤติกรรมที่ประมาทเลินเล่อของรัสเซีย และความสามารถของนาโตในการตอบโต้” โฆษกนาโตระบุผ่าน X
ยุโรปตอบสนองต่อเหตุการณ์เครื่องบินรบรัสเซียอย่างรวดเร็วในวันศุกร์ (19) โดย คายา คัลลาส อดีตนายกรัฐมนตรีเอสโตเนีย และหัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป แถลงผ่านโฆษกว่า "นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ"
รัฐบาลเอสโตเนียได้เรียกนักการทูตระดับสูงของรัสเซียเข้าพบเพื่อประท้วงและยื่นบันทึกเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้แล้ว
คริสเตน มิคาล นายกรัฐมนตรีเอสโตเนีย กล่าวว่ารัฐบาลตัดสินใจขอให้นาโตเปิดการปรึกษาหารือภายใต้มาตรา 4 ของสนธิสัญญาพันธมิตร และเผยว่าเครื่องบินรบรัสเซียได้บินเข้าไปในน่านฟ้าของนาโตประมาณ 5 ไมล์ทะเล (9 กิโลเมตร) ก่อนที่ฝูงเครื่องบินรบ F-35 ของอิตาลี ซึ่งปัจจุบันประจำการอยู่ที่ฐานทัพในเอสโตเนีย จะขับไล่เครื่องบินเหล่านี้ออกไป
นาโตทำหน้าที่ควบคุมดูแลน่านฟ้าของเอสโตเนียและประเทศแถบบอลติกอื่นๆ ภายใต้ภารกิจที่ชื่อว่า “Baltic Sentry”
เอสโตเนียระบุว่า การละเมิดน่านฟ้าเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันศุกร์ (19) ในพื้นที่เกาะไวนด์ลู (Vaindloo)ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงทาลลินน์ประมาณ 100 กิโลเมตร
เครื่องบินเหล่านั้นไม่ได้แจ้งแผนการบิน (flight plan) เครื่องส่งสัญญาณ (transponder) ไม่ได้เปิดใช้งาน และไม่ได้เชื่อมต่อกับศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศด้วย
แม้ว่าการบุกรุกเหนือเกาะไวนด์ลูโดยเครื่องบินรัสเซียจะเคยเกิดขึ้นบ้าง แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่ยาวนานเท่ากับเหตุการณ์เมื่อวานนี้ (19)
“เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจว่า เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจ” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อกล่าว
ที่มา: รอยเตอร์