กระทรวงกลาโหมอิสราเอลแถลงเมื่อวันพุธ (17 ก.ย.) ว่า ระบบเลเซอร์กำลังสูงราคาประหยัดที่มุ่งทำลายขีปนาวุธที่พุ่งตรงเข้ามาเสร็จสิ้นกระบวนการทดสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะพร้อมให้กองทัพนำไปใช้งานจริงภายในปลายปีนี้
ระบบ "Iron Beam" ซึ่งพัฒนาร่วมกันโดยบริษัท Elbit Systems และ Rafael Advance Defense Systems จะเข้ามาเป็นตัวเสริมระบบต่อต้านขีปนาวุธ Iron Dome, David's Sling และ Arrow ของอิสราเอล ซึ่งเคยถูกใช้สกัดกั้นจรวดหลายพันลูกที่ยิงมาจากกลุ่มฮามาสในกาซา ฮิซบอลเลาะห์จากเลบานอน และกบฏฮูตีในเยเมน
ปัจจุบันระบบสกัดกั้นจรวดมีราคาอย่างน้อย 50,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเครื่อง ขณะที่ราคาสำหรับอาวุธเลเซอร์นั้นถูกจนแทบไม่มีนัยสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งเน้นจัดการพวกขีปนาวุธขนาดเล็กและโดรน
“เมื่อประสิทธิภาพของ Iron Beam ได้รับการพิสูจน์แล้ว เราคาดการณ์ว่าระบบอาวุธเลเซอร์พิสัยไกลเหล่านี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศอย่างมีนัยสำคัญ” กระทรวงกลาโหมอิสราเอล ระบุ
หลังใช้เวลาพัฒนานานหลายปี กระทรวงกลาโหมอิสราเอลระบุว่าได้ทดสอบระบบ Iron Beam เป็นเวลาหลายสัปดาห์ในภาคใต้ของประเทศ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการ "ปฏิบัติการแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการสกัดกั้นจรวด ลูกปืนครก เครื่องบิน และโดรน ในสถานการณ์ปฏิบัติการที่หลากหลาย"
ระบบเลเซอร์ชุดแรกจะถูกผนวกรวมเข้ากับระบบป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพอิสราเอลภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ อิสราเอลเริ่มนำระบบเลเซอร์พิสัยใกล้ที่มีกำลังน้อยกว่ามาใช้งานอยู่แล้ว
Iron Beam ถือเป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศด้วยเลเซอร์กำลังสูงภาคพื้นดินที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางอากาศ รวมถึงจรวด ลูกปืนครก และอากาศยานไร้คนขับ
“นี่เป็นครั้งแรกในโลกที่ระบบสกัดกั้นด้วยเลเซอร์กำลังสูงได้พัฒนาจนสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” อามีร์ บารัม เลขาธิการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ระบุ
ด้าน ยูวัล สไตนิตซ์ ประธานบริษัท Rafael ระบุว่า Iron Beam ซึ่งสร้างด้วยเทคโนโลยีออปติกแบบปรับตัวได้ของบริษัท “เป็นระบบที่จะพลิกโฉมหน้าวงการอย่างแน่นอน และส่งอิทธิพลต่อสงครามยุคใหม่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
ในส่วนของ Elbit Systems ก็อยู่ระหว่างพัฒนาเลเซอร์กำลังสูงสำหรับการใช้งานทางทหารอื่นๆ โดย "อันดับแรกและสำคัญที่สุดก็คือ เลเซอร์บนอากาศที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ให้แก่ความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศ" เบซาเลล มัคลิส ซีอีโอของ Elbit กล่าว
ที่มา: รอยเตอร์