xs
xsm
sm
md
lg

คืบหน้า! จีน-อเมริกาบรรลุ‘กรอบข้อตกลง’เรื่องติ๊กต็อก ‘ทรัมป์’ลั่นรอโทรฯคุย‘สี’ยืนยันรายละเอียดศุกร์นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รัฐมนตรีคลัง สกอตต์ เบสเซนต์ ของสหรัฐฯ (กลาง) ยิ้มกริ่มระหว่างการแถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการเจรจาการค้า 2 วันกับฝ่ายจีนที่นำโดยรองนายกรัฐมนตรีเหอ ลี่เฟิง ณ ลานนอกอาคารกระทรวงการต่างประเทศสเปน ในกรุงมาดริด เมื่อวันจันทร์ (15 ก.ย.)
อเมริกาและจีนประกาศสามารถบรรลุ “กรอบข้อตกลง” เพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งเกี่ยวกับ “ติ๊กต็อก” แพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้นของบริษัทจีนซึ่งได้รับความนิยมกว้างขวางในสหรัฐฯ แม้ถูกหลายฝ่ายในสหรัฐฯโดยเฉพาะพวกนักการเมือง ระแวงโจมตีว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของอเมริกา ทั้งนี้จะมีการยืนยันเรื่องนี้ระหว่างการหารือทางโทรศัพท์ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ กับ สี จิ้นผิง วันศุกร์นี้ (19 ก.ย.) นอกจากนั้นรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยังแจ้งกับคณะเจรจาจีนว่า วอชิงตันจะไม่ขึ้นภาษีปักกิ่งเพื่อกดดันให้เลิกซื้อน้ำมันรัสเซีย จนกว่าฝั่งยุโรปจะมีการดำเนินการในเรื่องนี้แล้ว


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โพสต์บน “โซเชียล ทรูธ” แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเขาตั้งแต่เช้าวันจันทร์ (15 ก.ย.) ว่า สามารถบรรลุข้อตกลงกับบริษัทแห่งหนึ่งที่หนุ่มสาวในอเมริกาต้องการให้ปกป้อง โดยไม่ระบุชื่อบริษัทดังกล่าว ก่อนจะบอกต่อไปว่า จะคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง วันศุกร์นี้

อีกไม่นานต่อมาในวันเดียวกัน รัฐมนตรีคลัง สกอตต์ เบนเซนต์ ของสหรัฐฯที่เป็นหัวหน้าทีมเจรจาของสหรัฐฯ ซึ่งเปิดการเจรจาการค้ากับคณะผู้แทนฝ่ายจีนที่นำโดยรองนายกรัฐมนตรี เหอ ลี่เฟิง มาตั้งแต่วันอาทิตย์ (14) ได้ออกมาแถลงข่าวแบบเร่งด่วนที่บริเวณลานด้านนอกอาคารกระทรวงการต่างประเทศสเปน ในกรุงมาดริด ซึ่งเป็นที่สถานที่จัดการประชุมหารือรอบนี้ โดยระบุว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุกรอบข้อตกลงในเรื่องถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ความเจ้าของติ๊กต็อก มาเป็นของอเมริกา โดยที่จะมีการตกลงยืนยันเรื่องนี้กัน ระหว่างการหารือทางโทรศัพท์ของทรัมป์กับสีปลายสัปดาห์นี้

ตัวทรัมป์เอง เมื่อถูกผู้สื่อข่าวซักถามในเวลาต่อมาว่า จีนจะยังถือหุ้นในติ๊กต็อกหรือไม่ เขาก็ตอบว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจ และจะคุยเพื่อยืนยันรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงนี้กับสีในวันศุกร์

ติ๊กต็อก ผู้ให้บริการแอปวิดีโอสั้น ที่มีไบต์แดนซ์ บริษัทให้บริการทางอินเทอร์เน็ตระดับแถวหน้าของจีนเป็นเจ้าของ ได้รับความนิยมสูงจากทั่วโลกโดยเฉพาะในหมู่คนวัยหนุ่มสาว เฉพาะในอเมริกาก็มีผู้ใช้ถึง 170 ล้านคน ได้ถูกวิพากษ์โจมตีหนักในสหรัฐฯ โดยเฉพาะเรื่องที่เจ้าของซึ่งเป็นบริษัทจีนอาจแอบเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้ ที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ

รัฐสภาอเมริกันได้ผ่านกฎหมายฉบับหนึ่งออกมาบังคับใช้ในช่วงปลายสมัยการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของ โจ ไบเดน โดยกำหนดให้ ติ๊กต็อก ต้องขายกิจการที่อยู่ในอเมริกาให้แก่ทางบริษัทอเมริกัน ไม่เช่นนั้นจะถูกห้ามดำเนินงานในสหรัฐฯ

กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 ม.ค. หรือ 1 วันก่อนที่ทรัมป์ จะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง

ตัวทรัมป์เองก็เคยสนับสนุนให้เล่นงานติ๊กต็อกในสมัยแรกแห่งการเป็นประมุขทำเนียบขาวของเขา ทว่าได้เปลี่ยนท่าทีแบบ 180 องศา ภายหลังได้พึ่งพาอาศัยโซเชียลมีเดียอย่างมากมายในระหว่างหาเสียง และให้เครดิตติ๊กต็อกว่า มีส่วนทำให้เขาได้เสียงคนวัยหนุ่มสาว และชนะการเลือกตั้งอย่างสบายในสมัยที่สอง ทั้งนี้ เขาได้รีบออกคำสั่งให้เลื่อนการแบนติ๊กต็อกออกไปก่อน จากนั้นเมื่อกลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้ยืดกำหนดเส้นตายอีกครั้งไปจนถึงวันพุธ (17 ก.ย.) นี้

เบสเซนต์กล่าวว่า เส้นตายดังกล่าวกระตุ้นให้ทีมเจรจาจีนยอมตกลงกรอบข้อตกลงคราวนี้ และเสริมว่า สหรัฐฯอาจเลื่อนเส้นตายออกไปอีก 90 วันเพื่อดำเนินการข้อตกลงขั้นสุดท้ายให้ลุล่วง

อย่างไรก็ดี รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า นี่เป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ที่อเมริกาและจีนประกาศว่า ใกล้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับติ๊กต็อก โดยครั้งแรกคือเดือนมี.ค. ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้น

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานข่าวโดยอ้างอิงการเปิดเผยของหลี่ เฉิงกัง ผู้เจรจาการค้าระดับสูงของจีน ที่ระบุว่า ในการเจรจาครั้งนี้ จีนและอเมริกาบรรลุฉันทามติกรอบโครงพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับติ๊กต็อก ผ่านการร่วมมือ การลดอุปสรรคการลงทุน และการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนั้น หลี่ยังสำทับว่า จีนจะปกป้องผลประโยชน์ของชาติ สิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของกิจการของจีนอย่างเข้มแข็ง

ทางด้าน หวัง จิงเทา เจ้าหน้าที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านไซเบอร์สเปซของจีน กล่าวว่า ข้อตกลงที่จะออกมาในครั้งนี้ อาจเป็นการให้ใบอนุญาตสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา เช่น อัลกอริทึมของติ๊กต็อก

นอกเหนือจากเรื่องติ๊กต้อกแล้ว การเจรจาที่มาดริดยังครอบคลุมถึงการทำข้อตกลงทางการค้าระหว่างกัน โดยที่เวลานี้ทั้งสองฝ่ายถือว่าอยู่ในสถานะสงบศึกชั่วคราว ด้วยการที่ต่างฝ่ายต่างเลื่อนการบังคับใช้อัตราภาษีศุลกากรที่จะจัดเก็บจากสินค้าเข้าของอีกฝ่ายหนึ่งในระดับตัวเลข 3 หลักออกไปก่อน ทั้งนี้การพักรบจะหมดอายุลงในเดือนพฤศจิกายนนี้

ทั้งสองฝ่ายยังไม่มีการแถลงถึงความคืบหน้าของการเจรจาในเรื่องอื่นๆ แต่ระหว่างให้สัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์ (15) เบสเซนต์ตอบคำถามของผู้สื่อข่าว โดยกล่าวว่า ได้แจ้งกับคณะเจรจาของจีนว่า อเมริกาเรียกเก็บภาษีศุลกากรอินเดียเพิ่ม 25% ก่อนหน้านี้เพื่อลงโทษที่อินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย โดยทรัมป์ยังได้เรียกร้องให้พวกประเทศยุโรปเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจีนและอินเดียอัตรา 50-100% เพื่อตัดช่องทางรายได้ที่รัสเซียนำไปใช้ในการทำสงครามกับยูเครน ปรากฏว่าทีมเจรจาของจีนตอบกลับมาว่า เรื่องการซื้อน้ำมันเป็นอำนาจอธิปไตยของจีน

รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยังย้ำว่า คณะบริหารทรัมป์จะไม่ขึ้นภาษีสินค้าจีนเพื่อกดดันให้ปักกิ่งเลิกซื้อน้ำมันรัสเซียจนกว่ายุโรปจะขึ้นภาษีจีนและอินเดียก่อน พร้อมยืนยันว่า ถ้ายุโรปเรียกเก็บภาษีทุติยภูมิกับประเทศที่ซื้อน้ำมันรัสเซีย สงครามในยูเครนจะจบลงภายใน 60-90 วัน

(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น