เอเอฟพี – ผู้นำใหม่เนปาลขานรับข้อเรียกร้องของผู้ประท้วง ประกาศ “ยุติการทุจริต” หลังรัฐบาลรักษาการเริ่มปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐบาลชุดเดิมที่ถูกกลุ่มผู้ประท้วง “Gen Z” โค่น โดยล่าสุดมีการเปิดเผยว่า การประท้วงเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 72 คน
วันอาทิตย์ (14 ก.ย.) สุชีลา คาร์กี ประกาศระหว่างแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกนับจากเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการเมื่อวันศุกร์ (12 ก.ย.) ว่า รัฐบาลรักษาการต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่ประชาชนกลุ่ม Gen Z เรียกร้องคือ ยุติการทุจริต ธรรมาภิบาลที่ดี และความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนมุ่งมั่นสนับสนุนภารกิจนี้
อดีตประธานศาลสูงสุดหญิงคนแรกของเนปาล วัย 73 ปีผู้นี้ ยืนไว้อาลัยนาน 1 นาทีให้กับผู้เสียชีวิตจากการประท้วงเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนเริ่มประชุมที่พระราชวังราชสีห์ซึ่งเป็นที่ตั้งทำเนียบรัฐบาลที่อาคารหลายหลังถูกจุดไฟเผาระหว่างการประท้วงในวันอังคาร (9 ก.ย.)
หัวหน้าเลขาธิการรัฐบาลเนปาลแถลงว่า การประท้วงสองวันเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 72 คน และบาดเจ็บ 119 คน จากเดิมที่รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 51 คน ถือเป็นเหตุการณ์ความไม่สงบที่รุนแรงที่สุดในเนปาลนับจากสิ้นสุดสงครามกลางเมืองที่ยาวนานถึงหนึ่งทศวรรษ และการสิ้นสุดระบบกษัตริย์ในปี 2008
การแต่งตั้งคาร์กี ที่มีชื่อเสียงในการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เกิดขึ้นภายหลังการเจรจาเคร่งเครียดระหว่างพลเอกอะโชค ราช ซิดเกล ผู้บัญชาการกองทัพ และประธานาธิบดีราม จันทรา เปาเดล รวมถึงตัวแทน “Gen Z” ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประท้วงของคนหนุ่มสาวที่มีการรวมตัวกันหลวมๆ ซึ่งนักเคลื่อนไหววัยหนุ่มสาวหลายพันคนใช้แอปดิสคอร์ดเสนอชื่อคาร์กีเป็นตัวเลือกผู้นำรักษาการ
คาร์กีกล่าวว่า ตนไม่ได้ต้องการตำแหน่งนี้ แต่ได้รับการเสนอชื่อจากกลุ่มผู้ประท้วงที่ออกไปแสดงพลังบนท้องถนน ทั้งนี้ ภายหลังการแต่งตั้งคาร์กี ได้มีการประกาศยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 5 มีนาคม 2026
ระหว่างปราศรัยในวันอาทิตย์ คาร์กียังยืนยันว่า รัฐบาลรักษาการจะไม่อยู่ในตำแหน่งเกิน 6 เดือน โดยจะปฏิบัติหน้าที่ให้เสร็จสมบูรณ์ และส่งมอบความรับผิดชอบให้รัฐสภาและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน
ทางด้านเปาเดลที่เป็นผู้ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของคาร์กี กล่าวเมื่อคืนวันเสาร์ (13 ก.ย.) ว่า หลังจากกระบวนการและสถานการณ์อันซับซ้อนและยากลำบาก ในที่สุดเนปาลก็พบทางออกที่สันติ