ทนายความที่เป็นตัวแทนแรงงานซึ่งถูกควบคุมตัวจากโรงงานฮุนไดในรัฐจอร์เจียเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วเผย พนักงานเกาหลีใต้หลายคนซึ่งถูก ตม.สหรัฐฯกวาดจับคราวนี้ เป็นวิศวกรและเจ้าหน้าที่ติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์ที่มีทักษะพิเศษจำเป็นเพื่อให้โรงงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแห่งนี้สามารถเดินเครื่องดำเนินกิจการได้ ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้วิธีการที่ทรัมป์กดดันเกาหลีใต้ตามอำเภอใจอย่างหยาบคายเช่นนี้ จะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของอเมริกาในระยะยาว
ชาร์ลส์ คุค ทนายความคดีคนเข้าเมืองของเมืองแอตแลนตา, รัฐจอร์เจีย ที่เป็นตัวแทนพนักงานชาวเกาหลีใต้ 4 คนที่ถูกควบคุมตัว เปิดเผยกับสำนักข่าวเอพีเมื่อวันจันทร์ (8 ก.ย.) ว่า พวกพนักงานชาวเกาหลีใต้ที่ถูกควบคุมตัวหลายคน กำลังทำงานที่โรงงานสร้างใหม่แห่งนั้นตามที่ได้รับอนุญาตภายใต้โปรแกรมวีซ่าธุรกิจบี-1 โดยมีแผนอยู่ในอเมริกาแค่ไม่กี่สัปดาห์และไม่เกิน 75 วัน และสำทับว่า แรงงานส่วนใหญ่ที่ถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ไอซ์) ควบคุมตัวเมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว (4 ก.ย.) จากโรงงานแบตเตอรี่ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ของกิจการร่วมทุนฮุนได-แอลจี ในบริเวณด้านตะวันตกของเมืองซาวันนาห์ รัฐจอร์เจียนั้น เป็นวิศวกรหรือผู้เกี่ยวข้องกับการให้บริการหลังการขายและการติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์
ในการบุกค้นดังกล่าวมีแรงงานถูกควบคุมตัว 475 คน ซึ่งกว่า 300 คนเป็นชาวเกาหลีใต้ โดยวิดีโอที่ไอซ์เผยแพร่ แสดงให้เห็นคนงานหลายคนถูกตีตรวนล่ามโซ่ที่ข้อเท้า และเอว และข้อมือก็ถูกใส่กุญแจมือ
เวลานี้ รัฐมนตรีต่างประเทศ โช ฮยุน เกาหลีใต้เดินทางไปอเมริกาเมื่อวันจันทร์เพื่อช่วยนำคนงานเกาหลีใต้เหล่านี้กลับประเทศด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำ ขณะที่ในแดนกิมจิมีคนมากมายรู้สึกไม่พอใจ ช็อก และรู้สึกเหมือนถูกอเมริกาทรยศ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนกรานว่า แรงงานเหล่านั้นเดินทางเข้าอเมริกาอย่างผิดกฎหมาย ดังนั้นแทนที่จะมัวไปพึ่งพาแรงงานซึ่งเข้าเมืองมาอย่างไม่ถูกต้อง อเมริกาจำเป็นต้องหาทางตกลงกับประเทศอื่นๆ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาซึ่งอยู่ในสหรัฐฯอยู่แล้ว มาฝึกพลเมืองอเมริกัน ให้สามารถทำงานเฉพาะทาง เช่น การผลิตแบตเตอรี่และคอมพิวเตอร์ได้
ทว่า คุค ทนายความคดีคนเข้าเมืองชี้ว่า ไม่มีบริษัทแห่งไหนในอเมริกาหรอก ซึ่งผลิตเครื่องจักรแบบที่ใช้ในโรงงานแบตเตอรี่ที่ถูกบุกค้นในจอร์เจีย ดังนั้น จึงต้องนำผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาติดตั้งหรือซ่อมแซมเครื่องจักรอุปกรณ์ในโรงงานดังกล่าว โดยที่งานติดตั้งซ่อมแซมเช่นนี้จะต้องใช้เวลาราว 3-5 ปีทีเดียว จึงจะสามารถฝึกใครสักคนที่อยู่ในอเมริกาให้สามารถทำได้
“นี่ไม่ใช่อะไรที่เป็นเรื่องใหม่หรอกนะ” คุค บอก “เราทำเรื่องอย่างนี้กันมาโดยตลอดนั่นแหละ และเราก็ทำแบบนี้เช่นกัน เมื่อเราจัดส่งสิ่งต่างๆ ไปต่างแดน เราก็จัดส่งคนของเราไปที่นั่นเพื่อดูแลมัน”
ค่ายรถญี่ปุ่น-เยอรมันทำมาตลอด
โรสแมรี โคตส์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันรีชอริง องค์การที่ไม่แสวงหากำไรซึ่งมุ่งส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการผลิตกลับมาตั้งอยู่ในอเมริกา เห็นด้วยว่า แม้รัฐบาลไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับวีซาของแรงงานที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมด แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บริษัทต่างชาติเลือกประหยัดเวลาและเงินโดยการส่งพนักงานจากต่างประเทศไปวางระบบโรงงานในอเมริกาและฝึกแรงงานอเมริกัน และเสริมว่า ผู้ผลิตรถญี่ปุ่นทำแบบนี้มาตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เช่นเดียวกับผู้ผลิตรถเยอรมนีในทศวรรษต่อมา
แองเจโล ปาปาเรลลี ทนายความคดีคนเข้าเมืองในลอสแองเจลิส อธิบายว่า วีซ่าธุรกิจบี-1 อนุญาตให้พนักงานต่างชาติอยู่ในอเมริกา 6 เดือน และมีข้อจำกัด เช่น พนักงานเหล่านั้นสามารถควบคุมโครงการก่อสร้างได้เท่านั้น แต่ทำงานในการก่อสร้างไม่ได้ ยกเว้นระบุในสัญญาให้ติดตั้งอุปกรณ์ได้
ขณะที่ ริตา ซอสตริน ทนายความคดีคนเข้าเมืองในลอสแองเจลีสเช่นเดียวกัน เสริมว่า เกาหลีใต้เป็น 1 ใน 41 ประเทศที่พลเมืองสามารถใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ขออนุญาตเดินทางเข้าประเทศของสหรัฐฯ (U.S. Electronic System for Travel Authorization หรือ ESTA) ซึ่งพวกเขาอาจได้รับยกเว้นเรื่องวีซ่า หากให้ “เหตุผลที่ชอบธรรม” ในการเดินทาง ทั้งนี้โดยพื้นฐานแล้วจะมีการอนุญาตให้พวกเขาได้รับสถานะวีซ่าบี-1 ที่อยู่ในอเมริกาได้ 90 วัน
วันจันทร์ กลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่มในสหรัฐฯออกมาเรียกร้องให้ปล่อยแรงงานที่ถูกควบคุมตัวในจอร์เจีย ซึ่งนอกจากแรงงานเกาหลีใต้แล้ว ยังมีแรงงานจากเม็กซิโก กัวเตมาลา โคลอมเบีย ชิลี เอกวาดอร์ และเวเนซุเอลา ที่มีรายงานว่าเป็นพวกคนงานก่อสร้างโรงงาน
พนักงานบางคนที่ไม่ได้ถูกควบคุมตัวบอกว่า รู้สึกไม่ปลอดภัยที่ต้องกลับไปทำงานในโรงงานดังกล่าว หลายคนเล่าว่า เห็นเจ้าหน้าที่ติดอาวุธและใช้ขบวนรถที่คล้ายรถทหารระหว่างการบุกค้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนั้นยังมีโดรนและเฮลิคอปเตอร์บินวนเหนือโรงงาน พนักงานหญิงคนหนึ่งที่มีใบอนุญาตทำงานบอกว่า รู้สึกเหมือนเป็นสัตว์ที่กำลังถูกไล่ล่า
นักการเมืองเกาหลีใต้เดือด
รัฐมนตรีต่างประเทศโช ของเกาหลีใต้ ระบุว่า การบุกค้นโรงงานแบตเตอรี่ฮุนไดของอเมริกาที่เป็นชาติพันธมิตรใกล้ชิดถือเป็น “เหตุการณ์ร้ายแรงมาก”
โช จองซิก สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้จากพรรคประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ตั้งคำถามว่า การที่ทางการอเมริกาควบคุมตัวคนเกาหลีใต้หลายร้อยคนด้วยวิธีการปฏิบัติการทางทหารกลายๆ แบบที่เกิดขึ้นนี้ บริษัทเกาหลีใต้ที่ลงทุนอยู่ในอเมริกาจะสามารถลงทุนอย่างถูกต้องต่อไปได้หรือ
ยังมีสมาชิกรัฐสภาบางคนเรียกร้องให้ตอบโต้ ด้วยการสอบสวนคนอเมริกันที่ถูกกล่าวหาว่า ลักลอบทำงานในเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เหตุการณ์การบุกค้นในจอร์เจียไม่มีแนวโน้มกระตุ้นให้โซลออกมาตรการตอบโต้ เนื่องจากเกาหลีใต้ยังต้องพึ่งพิงอเมริกาอย่างมาก ทั้งในการป้องปรามความก้าวร้าวของเกาหลีเหนือ และทั้งยังมีการร่วมมือกันในด้านอื่นๆ เช่น ธุรกิจ
เหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งถือเป็นการบุกค้นสถานที่ทำงานครั้งใหญ่ที่สุดของไอซ์ยังเกิดขึ้นในจอร์เจียที่เป็นสัญลักษณ์การร่วมมือของสองประเทศ เนื่องจากบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้หลายแห่งทำธุรกิจและมีแผนลงทุนในอนาคตในรัฐนี้
คิม แทวู อดีตประธานสถาบันเพื่อการรวมชาติเกาหลีของโซล ทิ้งท้ายว่า วิธีที่ทรัมป์กดดันรัฐบาลเกาหลีใต้และสร้างความเสียหายต่อคนเกาหลีใต้เป็นการกระทำตามอำเภอใจอย่างหยาบคาย ซึ่งในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของอเมริกาอย่างแน่นอน
(ที่มา: เอพี)