กัมพูชา ทำการเปิดสนามบินใหม่แห่งใหม่ "ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช หรือชื่อย่อ KTI" อย่างเป็นทางการ ในจังหวัดกันดาล การเปิดตัวเมื่อวันที่ 9 กันยายน ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญระดับประเทศ แต่ในข้อเท็จจริงคือสนามบินแห่งนี้เกิดขึ้นจากการกู้หนี้ยืมสินจากจีนมหาศาล และภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวปักกิ่งจะควบคุมท่าอากาศยานเตโช เป็นเวลาอย่างน้อยๆ 50 ปี
ในรายงานพาดหัว New Techo International Airport opens under 50-year Chinese debt deal ของสำนักข่าวแคมโบเดียเดลี ระบุรัฐบาลกัมพูชาบอกว่าสนามบินแห่งใหม่มูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์(ราว 47,600 ล้านบาท) จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ราวๆ 13 ถึง 15 ล้านคนต่อปี และสินค้า 175,000 ตัน ขณะเดียวกันคาดหมายว่าจะเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้แตะระดับ 30 ล้านคนภายในปี 2030 และ 50 ล้านคนภายในปี 2050
อดีตนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ยกย่องสนามบินแห่งใหม่บนเฟซบุ๊ก ว่าเป็นประตูแห่งใหม่สู่โลกกว้างของกัมพูชา เขาบอกว่ามันจะมาแทนที่ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ และกลายมาเป็นศูนย์กลางการบินกลาง สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
คำกล่าวอ้างของฮุนเซน มีขึ้นแม้ว่าเมื่อเร็วๆนี้ ทางธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(เอดีบี) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชา ลงจาก 6.2% เหลือ 5% ในปีนี้
ฮุนเซน ให้คำจำกัดเกี่ยวกับการบิน ว่าเป็นหนทางที่สำคัญสำหรับเชื่อมโยงการท่องเที่ยว, ธุรกิจ, การทูต และภารกิจอเนกประสงค์ เรียกมันว่าเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุน นอกจากนี้แล้วเขายังบอกเพิ่มเติมว่า กัมพูชา กระตือรือร้นขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านการบิน เพื่อรองรับอุปสงค์ด้านการเดินทางที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆและเสริมการเชื่อมโยงกับนานาชาติ
รายงานข่าวของแคมโบเดียเดลี ให้ข้อมูลว่าสนามบิน KTI ตั้งอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางใต้ราวๆ 20 กิโลเมตร อยู่บนพื้นที่ประมาณ 16,250 ไร่ ในเขตกันดาลสตุง จังหวัดกันดาล และบางส่วนของเขตบาตี จังหวัดตาแก้ว
สนามบินแห่งนี้ถูกจัดอยู่ในท่าอากาศยานนานาชาติเกรด 4F ซึ่งถือว่าเป็นขั้นสูงสุดสำหรับรับมือกับเครื่องบินขนาดใหญ่ ในนั้นรวมถึงแอร์บัส A380 และโบอิ้ง747 มันมีรันเวย์ยาว 4,000 เมตร 3 รันเวย์ และเบื้องต้นสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 13 ล้านคนต่อปี
แคมโบเดียเดลี ระบุว่าสนามบินแห่งนี้ได้รับการพัฒนาภายใต้สัญญาสร้าง-ดำเนินการ-โอน (BOT) โดย Overseas Cambodia Investment Corporation(OCIC) ที่มี Pung Khiev Se มหาเศรษฐีเป็นเจ้าของ ภายใต้ความร่วมมือกับธนาคารพัฒนาแห่งประเทศจีน ( CDB )
ทั้งนี้ทาง OCIC ถือหุ้นในโครงการ 51% ส่วนผู้ปล่อยกู้จากจีนถือครองหุ้น 49% และภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว จีนจะควบคุมสนามบินแห่งนี้เป็นเวลาอย่างน้อย 50 ปี ส่วนหนึ่งในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative - BRI)
ตามรายงานของแคมโบเดียเดลี บอกว่านอกจากนี้แล้วยังได้แหล่งเงินทุนเพิ่มเติมผ่านกิจการร่วมค้าหนึ่งที่มีชื่อว่า CAIC ซึ่งระดมทุน 444 ล้านดอลลาร์จากธนาคารต่างๆของกัมพูชาและธนาคารต่างๆในระดับภูมิภาค เช่นเดียวกับเงินลงทุน 100 ล้านดอลลาร์ ในคลังน้ำมันโดยบริษัทปตท.ของไทย
รายงานข่าวระบุว่า มีวิศวกรต่างชาติและบริษัทด้านการบริการต่างๆมากกว่า 10 แห่ง จากจีน, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้าง บริหารจัดการและปฏิบัติการสนามบินแห่งนี้
(ที่มา:แคมโบเดียเดลี/mgronline)