xs
xsm
sm
md
lg

เกาหลีใต้เจ็บช้ำจากนโยบายของทรัมป์ ถูกบีบให้เพิ่มลงทุนขยายงานในสหรัฐฯ แต่พวกลูกจ้างไปช่วยเปิดรง.ใหม่กลับถูก ตม.มะริกันจับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สกอตต์ ฟอสเตอร์


ภาพถ่ายจากวิดีโอที่เผยแพร่โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) แสดงให้เห็นพวกลูกจ้างพนักงานถูกสั่งให้เข้าแถวรอการล่ามโซ่ตีตรวนที่เท้า ณ โรงงานร่วมทุนของกลุ่มฮุนได-แอลจี ในรัฐจอร์เจีย เมื่อวันพฤหัสบดี (4 ก.ย.) ที่ผ่านมา
(เก็บความจากเอเขียไทมส์ https://asiatimes.com/2025/09/trump-shows-s-korea-whos-boss-with-hyundai-plant-raid/)

Trump shows S Korea who’s boss with Hyundai plant raid
by Scott Foster
07/09/2025

คนเกาหลีใต้รู้สึกช็อก รวมทั้งรู้สึกถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ บุกจู่โจมจับกุมคนงานจำนวนหลายร้อยคนในโรงงานแบตเตอรี่แห่งใหม่ที่รัฐจอร์เจีย ของสหรัฐฯ ซึ่ง ฮุนไดกับแอลจี ร่วมทุนกันจัดตั้งขึ้นมา

พวกเจ้าหน้าที่ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (US Immigration and Customs Enforcement ใช้ชื่อย่อว่า ICE) ได้เข้ากวาดจับลูกจ้างของกิจการร่วมลงทุนระหว่างฮุนได มอเตอร์ (Hyundai Motor) กับ แอลจี เอนเนอจี โซลูชั่น (LG Energy Solution) เป็นจำนวน 475 คน ในการบุกจู่โจมโรงงานผลิตแบตเตอรีรถอีวีของบริษัทแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ เมืองซาวันนาห์ (Savannah) รัฐจอร์เจีย เมื่อวันพฤหัสบดี (4 ก.ย.) ที่ผ่านมา โดยที่มีบุคลากรจากสำนักงานสอบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Homeland Security Investigations หรือ HSI) เข้าร่วมด้วย

จากคลิปวิดีโอคลิปหนึ่งที่เผยแพร่โดย ICE [1] แสดงให้เห็นวามีเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำกำลังบินอยู่เหนือศีรษะ, แล้วยังมียานหุ้มเกราะ 1 คัน, ขบวนรถยนต์เอสยูวีขบวนหนึ่ง, เหล่าเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบเหมือนชุดทหารซึ่งพกพาอาวุธทั้งปืนพกและปืนอัตโนมัติ , และบรรดาคนงานในสภาพถูกใส่โซ่ตรวนที่ข้อเท้าและถูกสวมกุญแจมือที่ข้อมือ ถูกสั่งให้เข้าแถว, ถูกตรวจค้นหาอาวุธตามร่างกาย, และถูกไล่ต้อนให้ขึ้นรถโดยสาร

กว่า 300 คนของพวกที่ถูกจับกุมคราวนี้เป็นผู้ที่มาจากเกาหลีใต้ และเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ได้รับการเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวางในแดนโสมขาว อีกทั้งกลายเป็นเรื่องซึ่งได้รับความกังวลสนใจระดับสูงสุดจากรัฐบาลของประเทศนั้นในทันที ประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้ บอกพวกเจ้าหน้าที่ของเขา [2] ว่า “ควรต้องดำเนินมาตรการที่จำเป็นต่างๆ ทุกอย่างเพื่อสนับสนุนบุคคลสัญชาติเกาหลีในกรณีนี้ และแก้ไขเรื่องนี้ให้คลี่คลายโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ขณะที่ รัฐมนตรีต่างประเทศ โช ฮยุน ของเกาหลีใต้ บอกว่า “ถ้าจำเป็น เราก็จะเดินทางไปวอชิงตันโดยตรงเลย เพื่อหารือถึงเรื่องนี้กับคณะบริหาร (ทรัมป์)” เวลาเดียวกันนั้นพวกสื่อมวอลชนโสมขาวพากันรายงานว่าศูนย์ดำเนินกระบวนการซึ่งใช้เป็นที่กักขังพวกผู้ถูกจับกุมเหล่านี้มีสภาพสุขอนามัยที่ย่ำแย่ [3]

สตีเวน ชแรงก์ (Steven Schrank) หัวหน้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษของ HIS ในเมืองแอตแลนตา, รัฐจอร์เจีย แถลงกับสื่อมวลชนว่า “การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของเราในการพิทักษ์ปกป้องตำแหน่งงาน [4] เอาไว้ให้แก่ชาวรัฐจอร์เจียและชาวอเมริกัน เป็นการรับประกันให้มีสนามแข่งขันอย่างเป็นธรรมสำหรับธุรกิจต่างๆ ซึ่งมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย, ปกป้องความซื่อสัตย์สุจริตของเศรษฐกิจของเรา, และคุ้มครองคนงานจากการถูกขีดรีดเอาเปรียบ” แล้วยังกล่าวต่อไปอีกว่า “มีเครือข่ายของพวกผู้รับเหมาช่วง และพวกผู้รับเหมาช่วงสำหรับพวกผู้รับเหมาช่วงอีกต่อหนึ่งอยู่ที่นั่น (ในโรงงานที่ถูกบุกจับ) ดังนั้น พวกลูกจ้าง (ซึ่งอยู่ที่นั่น) จึงทำงานโดยได้รับการว่าจ้างจากบริษัทต่างๆ กันหลากหลายมาก”

ตามคำแถลงของ ชแรงก์ ครั้งนี้ถือเป็น “การปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายกับสถานที่แห่งหนึ่งแห่งเดียวครั้งใหญ่ที่สุด” เท่าที่หน่วยงานของเขาได้เคยออกปฏิบัติการกันมา โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของ “การสืบสวนคดีอาญาที่ดำเนินมาหลายเดือน [5] แล้ว ซึ่งพวกเราได้รวบรวมหลักฐาน, ดำเนินการซักถาม, ค้นหาจัดเก็บเอกสารต่างๆ, และยื่นหลักฐานเหล่านี้ต่อศาลจนกระทั่งได้รับหมายตรวจค้นจากฝ่ายตุลาการ”

มีรายงานว่า ผู้ถูกคุมขังที่มิใช่ชาวเกาหลี ส่วนใหญ่แล้วดูน่าจะเป็นคนงานก่อสร้างจากประเทศแถบละตินอเมริกา ขณะที่การดำเนินงานทุกอย่างในสถานที่แห่งนั้นได้ถูกระงับลงเป็นการชั่วคราว

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงจากทำเนียบขาวว่า “ผมขอบอกว่าคนเหล่านี้เป็นคนต่างด้าวที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย [6] และ ICE ก็แค่กำลังทำงานอย่างที่ควรจะทำเท่านั้น” เขาพูดด้วยว่า “ผมเพิ่งได้ยินเรื่องนี้ก่อนการแถลงข่าวคราวนี้แป๊บเดียวเอง”

นี่เป็นเหมือนการชี้แนะว่าเขาไม่ได้ทราบมาก่อนเลยว่า กำลังมีการวางแผนเพื่อบุกเข้าตรวจค้นจับกุมโปรเจ็กต์ระดับเรือธงโปรเจ็กต์หนึ่งในการลงทุนของแดนโสมขาวในสหรัฐฯ ตอนที่เขาพบหารือกับประธานาธิบดีลี ของเกาหลีใต้ ที่ทำเนียบขาวในวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา

คุณจะเชื่อคำพูดนี้ก็ได้ถ้าอยากจะเชื่อ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจำแนกให้ออก ระหว่างการหลอกลวงตีสองหน้า กับ การไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ในกรณีนี้ แต่การไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยในสิ่งที่ ICE กำลังทำอยู่ บางทีอาจจะเป็นความเป็นไปได้ซึ่งดูน่าตระหนกตกใจมากกว่า

กระนั้นก็ตาม ถึงยังไงก็มีชาวเกาหลีใต้บางคนบางฝ่ายออกมาพูดจาในลักษณะที่ว่านี่มันเป็นแผนการสมรู้ร่วมคิดด้วยความมุ่งร้าย เป็นต้นว่า เอ็มบีเอ็นนิวส์ (MBN News) เครือข่ายทีวีในเกาหลีใต้ซึ่งอุปถัมภ์โดยหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวัน เมอิล (Maeil Business Newspaper) ประกาศว่า “เมื่อพิจารณาจากคำแถลงของทรัมป์แล้ว ทำให้เกิดความสงสัยข้องใจมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีเจตนาเลวร้าย แอบซุกซ่อนเร้น [7] อยู่เบื้องหลังการปราบปรามกวาดจับที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาคราวนี้”

“ประการแรกเลย” รายงานของทีวีเมบีเอ็น กล่าวต่อ “มีการคาดเดากันว่า โรงงานแห่งนี้ได้ถูกโน้มน้าวให้เห็นว่าเป็นผลงานหนึ่งของอดีตประธานาธิบดีไบเดน โดยในตอนที่ ไบเดนประกาศการจัดตั้งโครงการนี้ขึ้นมา ระหว่างที่เขาเดินทางเยือนเกาหลีใต้เมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 มันก็เป็นการบ่งชี้ให้เห็นถึงแรงจูงใจในทางการเมือง”

ยิ่งกว่านั้น “มันคือการแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ถ้าหากเป็นเรื่องว่าด้วยคนงานอเมริกันต้องได้รับการจัดอันดับให้มีความสำคัญมากที่สุดแล้ว แม้กระทั่งตามโรงงานสถานที่ของพวกประเทศพันธมิตรก็ยังคงสามารถตกเป็นเป้าหมายถูกเล่นงาน ... การบุกจับกุมอย่างน่าตื่นตะลึงครั้งนี้จึงทำให้พวกบริษัทเกาหลีใต้ที่กำลังดำเนินงานอยู่ในอเมริกา เกิดความแตกตื่นระวังภัยขึ้นมาอย่างใหญ่โต”

เอ็มบีเอ็นกล่าวอีกว่า “ทั้งๆ ที่กำลังทุ่มเทเงินทองเข้าไปหลายหมื่นหลายแสนล้านดอลลาร์ แต่เราก็ยังคงเผชิญกับการถูกตรวจตราอย่างถี่ถ้วนเข้มข้น ทำให้เรารู้สึกตกใจมากทำอะไรไม่ถูก”

อย่างไรก็ดี คิม ดองซุค (Kim Dong-suk) ประธานของเวทีประชุมชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีระดับรากหญ้า (Korean American Grassroots Conference) อธิบายว่า “การปราบปรามกวาดล้างการอพยพเข้าเมืองของคณะบริหารโดนัลด์ ทรัมป์ คือการรณรงค์ที่มีความสำคัญอย่างที่สุด [8] เพื่อรับประกันชัยชนะ (ของพรรครีพับลิกัน) ในการเลือกตั้งกลางเทอมซึ่งจะมีขึ้นในปีหน้า ดังนั้น บริษัทเกาหลีทั้งหลายที่กำลังลงทุนในสหรัฐฯจึงควรที่จะรับทราบเรื่องนี้ และรักษาท่าทีสุขุมอย่าโวยวายแสดงอารมณ์ออกมา จนกว่าการเลือกตั้งจะผ่านพ้นไป”

ไม่น่าแปลกใจอะไร ฮุนได มอเตอร์ ได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่ง [9] มีข้อความสำคัญ ดังนี้
“ฮุนไดมีความมุ่งมั่นผูกพันที่จะปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่างๆ ทั้งหลายทั้งปวงอย่างเต็มที่ ในทุกๆ ตลาดที่เราเข้าไปดำเนินกิจการ นี่ก็ครอบคลุมถึงพวกข้อกำหนดเกี่ยวกับการตรวจสอบยืนยันการจ้างงาน และกฎหมายคนเข้าเมืองด้วย เรายังกำลังตรวจสอบทวนกระบวนการต่างๆ ของเรา เพื่อให้มั่นใจว่าทุกๆ ฝ่ายที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ในโครงการต่างๆ ของเรา มีการรักษาและปฏิบัติตามข้อบังคับทางกฎหมายต่างๆ ด้วยมาตรฐานอันสูงแบบเดียวกับที่เราเรียกร้องให้แก่ตัวเราเอง ทั้งนี้รวมไปถึงการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติในการจ้างงานของพวกผู้รับเหมาและผู้รับเหมาช่วง ฮุนไดไม่มีความอดทนใดๆ เลยสำหรับพวกที่มิได้ปฏิบัติตามกฎหมาย”

ถือเป็นความโชคร้ายที่พวกเขาไม่ได้ยึดมั่นทำตามนโยบายนี้อย่างมั่นคงตั้งแต่ช่วงก่อนการถูกบุกตรวจค้น กระนั้นก็มีสภาวการณ์ที่อาจช่วยอธิบายความย่อหย่อนเช่นนี้ได้อยู่เหมือนกัน ขณะที่กำลังบีบคั้นพวกบริษัทต่างประเทศให้เพิ่มพูนยกระดับการลงทุนของพวกเขาในภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯ พร้อมๆ กันนั้นเองคณะบริหารทรัมป์ก็กลับทำให้พวกเขาประสบความยากลำบากขึ้นมาก ในเรื่องการขอวีซ่าประเภทอนุญาตให้ทำงานในสหรัฐฯได้ ให้แก่พวกลูกจ้างพนักงานซึ่งต้องกระจายออกไปคอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้แก่การดำเนินงานตามสถานที่ตั้งแห่งต่างๆ

ด้วยเหตุผลข้อนี้เอง ชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ที่ถูกกักขังอยู่ในจอร์เจีย จึงเป็นผู้เดินทางเข้าสหรัฐฯด้วยวีซ่าประเภทขอผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่อนุญาตให้เดินทาง (Electronic System for Travel Authorization หรือ ESTA) [10] ในสหรัฐฯได้เป็นเวลา 90 วัน อันเป็นวีซ่าซึ่งขอได้ง่ายๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือไม่ก็เป็นวีซ่าประเภท บี-1 (B-1) ทั้ง 2 ประเภทนี้ต่างอนุญาตให้เดินทางทำธุรกิจในสหรัฐฯได้ ทว่าไม่อนุญาตให้ทำงานใช้แรงงาน ซึ่งทำให้พวกที่เป็นวิศวกรนายช่างของโรงงานตกอยู่ในความเสี่ยง บริษัทต่างประเทศแห่งอื่นๆ ที่จำนวนมากทีเดียวเป็นบริษัทเกาหลีเช่นกัน ก็กำลังต้องเผชิญกับความยุ่งยากอย่างเดียวกันนี้

โรงงานที่เป็นกิจการร่วมทุนกันระหว่าง ฮุนได-แอลจี ซึ่งถูกบุกกวาดจับแห่งนี้ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า บริษัทเอชแอล-จีเอ แบตเตอรี (HL-GA Battery Company) [11] ตามกำเนิดเดิมนั้นจะเริ่มทำการผลิตได้ในปี 2026 ทว่ายังต้องขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะมีความยินดีที่จะประนีประนอมมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงตอนนี้ กำหนดการดังกล่าวก็น่าจะไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงแน่ๆ เสียแล้ว

ภาพถ่ายหน้าเว็บไซต์ของบริษัทเอชแอล-จีเอ แบตเตอรี (HL-GA Battery Company) (https://hlgabattery.com/about/) ซึ่งระบุว่ากลุ่มฮุนไดมอเตอร์ กับ แอลจี เอเนอจี โซลูชั่น  ให้สัญญาที่จะลงทุนร่วมกันเป็นมูลค่ากว่า 4,300 ล้านดอลลาร์ ในการจัดตั้งบริษัทนี้ขึ้นมา ทั้งนี้ เอชแอล-จีเอ แบตเตอรี มีฐานะเป็นหนึ่งในโครงการขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐจอร์เจียทีเดียว
แล้วเนื่องจากแบตเตอรีที่จะผลิตได้จากโรงงานแห่งนี้ จะถูกนำไปใช้กับรถอีวีของ ฮุนได, เกีย (Kia) , และเจเนซิส (Genesis) ซึ่งถูกผลิตออกมาจากโรงงานของฮุนได มอเตอร์ ที่ตั้งอยู่ข้างๆ กัน ดังนั้น การผลิตรถไฟฟ้าเหล่านี้ก็อาจจะถูกเลื่อนช้าออกไปด้วยเช่นกัน ตำแหน่งงานจำนวนเป็นพันๆ ตำแหน่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นมา รวมทั้งผลตอบแทนที่สนองกลับจากการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ก็น่าที่จะได้รับความกระทบกระเทือนด้วยเหมือนกัน

พวกปัญหาในเชิงปฏิบัติต่างๆ อาจจะสามารถแก้ไขคลี่คลายได้โดยอาศัยเวลา แต่การจงใจดูหมิ่นเหยียดหยามพวกคนงานชาวเกาหลีใต้ด้วยการปฏิบัติต่อพวกเขาราวกับอาชญากร โดยมีการบันทึกและเผยแพร่ออกไปทั่วโลกทั้งในรูปของวิดีโอและภาพถ่าย ย่อมไม่น่าที่จะถูกลืมเลือนไปได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

เชิงอรรถ
[1] https://www.youtube.com/watch?v=bWzCds08psY
[2] https://www.youtube.com/watch?v=wsnpSb9-VQc
[3] https://www.chosun.com/english/world-en/2025/09/07/ENKP4LCYBJD3PGNXIA7RYNCDTI/
[4] https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-09-05/hyundai-s-georgia-site-raided-by-us-immigration-agents-ap-says
[5] https://edition.cnn.com/2025/09/05/us/georgia-plant-ice-raid-hundreds-arrested-hnk
[6] https://en.yna.co.kr/view/AEN20250906000353315
[7] https://www.youtube.com/watch?v=nbqek8LBsjo
[8] https://www.kedglobal.com/business-politics/newsView/ked202509070004
[9] https://edition.cnn.com/2025/09/05/us/georgia-plant-ice-raid-hundreds-arrested-hnk
[10] https://www.donga.com/en/article/all/20250906/5831701/1
[11] https://hlgabattery.com/about/
กำลังโหลดความคิดเห็น