xs
xsm
sm
md
lg

มีรายงานว่า ‘โมดี’ไม่ยอมเสนอชื่อ ‘ทรัมป์’ชิงรางวัลโนเบลสันติภาพ สาเหตุใหญ่มิตรภาพสหรัฐฯ-อินเดียพังครืนลงมาอย่างรวดเร็ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: เอียน ฮอลล์


นักเคลื่อนไหวเผาหุ่นรูปโดนัลด์ ทรัมป์ ที่บริเวณใกล้ๆ สถานกงสุลอเมริกันในเมืองโกลกาตา (กัลกัตตา) เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อประท้วงมาตรกาษีศุลกากรของสหรัฐฯซึ่งมุ่งเล่นงานอินเดีย
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ https://asiatimes.com/2025/09/why-the-trump-modi-bromance-went-up-in-smoke/)

Why the Trump-Modi bromance went up in smoke
by Ian Hall
02/09/2025

การที่ ทรัมป์ โกรธเกรี้ยวที่ โมดี ปฏิเสธไม่ยอมเสนอชื่อเขาให้เป็นผู้สมควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ กลายเป็นเปลวเพลิงซึ่งเผาผลาญความเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯกับอินเดีย ถือเป็นการยอมสละสิ่งที่ทรงความสำคัญอย่างยิ่งเพียงเพื่อตอบสนองแรงจูงใจส่วนบุคคลอันเล็กกะจ้อยร่อยโดยแท้

วาระดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผ่านไปได้เพียงไม่กี่เดือน ความสัมพันธ์แบบเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดรายหนึ่งของสหรัฐฯ ก็กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตเสียแล้ว

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับอินเดียกำลังไหลรูดลงมาสู่จุดต่ำสุดในรอบระยะเวลาเสี้ยวศตวรรษ [1] ทีเดียว สิ่งต่างๆ เลวร้ายมากเสียจนกระทั่งมีรายงานว่านายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ได้ปฏิเสธไม่ยอมรับการติดต่อทางโทรศัพท์ [2] จาก ทรัมป์ หลายครั้งในระยะเวลากว่า 2 เดือนที่ผ่านมา

ช่วงไม่กี่วันมานี้ ทรัมป์ ได้ประทับตราความสัมพันธ์ทางการค้ากับอินเดียว่าเป็น “ความหายนะอยู่ข้างเดียวอย่างสิ้นเชิง” [3] และมีรายงานชิ้นหนึ่งปรากฏออกมา [4] ว่าเขาไม่มีแผนการจะเดินทางไปเยือนอินเดียในช่วงต่อไปของปีนี้แล้วเพื่อเข้าร่วมการประชุมซัมมิตของเหล่าสมาชิกกลุ่มคว็อด (Quad) ที่ประกอบด้วยอินเดีย, สหรัฐฯ, ออสเตรเลีย, และญี่ปุ่น

สิ่งต่างๆ มันไม่น่าจะเกิดพลิกผันไปในทิศทางนี้ได้เลย เมื่อปลายปีที่แล้ว หลายๆ ฝ่ายในนิวเดลีต่างรู้สึกชื่นชอบตอนที่ทรัมป์ชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองกันอยู่เลย โมดี ได้โพสต์แสดงความยินดี [5] กับ “เพื่อน” ของเขาบนแพลตฟอร์ม X พร้อมด้วยภาพถ่ายหลายๆ ภาพที่ทั้งคู่กำลังสวมกอดกันและกำลังจับมือกัน

รัฐมนตรีต่างประเทศ สุพรหมณยัม ชัยศังกระ บอก [6] กับพวกนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ว่า ขณะที่ประเทศอื่นๆ อาจจะ “กระวนกระวาย” เกี่ยวกับการกลับมาของทรัมป์ แต่อินเดียไม่ได้เป็นอย่างนั้น

ด้วยความรู้สึกมั่นอกมั่นใจ โมดีได้เดินทางไปกรุงวอชิงตันเพื่อพบกับทรัมป์เพียงไม่กี่วันหลังจากเขาหวนคืนมาครองทำเนียบขาวเมื่อตอนต้นปีนี้ อย่างไรก็ดี ปรากฏว่าการเจอะเจอกันไม่ได้ออกมาดีงามเลย ในช่วงก่อนหน้าการพบปะหารือกันนั้นเอง โมดี ถูกทำให้เสียหน้าจากการเผยแพร่พวกรูปภาพชวนสลดใจ [7] ที่คนสัญชาติอินเดียซึ่งถูกใส่กุญแจมือและโซ่ตรวน กำลังอยู่ในเครื่องบินทหารลำหนึ่งขณะถูกเนรเทศออกจากสหรัฐฯ

ระหว่างอยู่ในห้องทำงานรูปไข่ของทรัมป์ในทำเนียบขาว เขาสัญญา [8] ที่จะซื้อหาพวกอาวุธ, น้ำมันและก๊าซสหรัฐฯให้มากขึ้น และขอร้องทรัมป์อย่าได้ใช้ภาษีศุลกากรอัตราสูงลิ่วแบบมุ่งลงโทษ เล่นงานสินค้าเข้าจากอินเดีย ทว่าโมดีประสบความล้มเหลวไม่ได้รับคำมั่นยืนยันอะไร

ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ทรัมป์ก็ประกาศว่าอินเดียจะถูกจัดเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 27% [9] --สูงขึ้นไปมากจากระดับ 10% ที่สหรัฐฯเรียกเก็บจากจีน— ยกเว้นแต่ว่าแดนภารตะจะสามารถเจรจาต่อรองให้ได้อะไรที่ดีขึ้นกว่านี้

วิกฤตในแคชเมียร์

นิวเดลีซึ่งอยู่ในอาการไม่พอใจ เริ่มพูดถึงเรื่องเจรจาการค้า รองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ ของสหรัฐฯ ได้เดินทางไปเยือนอินเดียในตอนปลายเดือนเมษายน และทั้งสองฝ่ายต่างส่งเสียงในเชิงบวก [10] เกี่ยวกับการทำดีลกัน ทว่าขณะที่แวนซ์ยังอยู่ในแดนภารตะนั้นเอง อินเดียก็ถูกปกคลุมอยู่ในวิกฤตครั้งใหม่

ในวันที่ 22 เมษายน กลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งได้เข่นฆ่าผู้คนไป 26 คน [11] –ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวฮินดู—ในแคว้นแคชเมียร์ สถานที่ของความขัดแย้งที่คุกรุ่นมาอย่างยาวนานแล้วระหว่างอินเดียกับปากีสถาน รัฐบาลโมดีให้คำมั่นที่จะตอบโต้ด้วยการใช้กำลังปราบปรามอย่างถึงเลือดถึงเนื้อ อย่างที่พวกเขาได้เคยกระทำมาในอดีต [12] หลังจากเกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้ขึ้นมา

ทหารอินเดียออกตรวจตรารักษาความปลอดภัยที่ตลาดแห่งหนึ่งในแคว้นแคชเมียร์ส่วนที่อินเดียควบคุมอยู่ เมื่อตอนต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ในวันที่ 7 พฤษภาคม อินเดียโจมตีทิ้งระเบิดใส่จุดต่างๆ ที่พวกเขาอ้างว่าเป็นค่ายของพวกนักรบหัวรุนแรง โดยมีทั้งที่ตั้งอยู่ในปากีสถาน และในแคว้นแคชเมียร์ส่วนที่อยู่ใต้การบริหารปกครองของปากีสถาน

จากนั้นการสู้รบขัดแย้งอันคาดการณ์ทำนายล่วงหน้าไม่ได้และทำท่าขยายตัวบานปลายออกไปเรื่อยๆ [13] ก็เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างใช้โดรนและขีปนาวุธเข้าโจมตีกันและกันอย่างเดือดพล่าน

ด้วยความวิตกถึงภัยอันตรายที่อาจเป็นไปได้ บรรดารัฐบาลจากทั่วโลก [14] จึงเร่งเร้าให้ 2 รัฐเพื่อนบ้านที่ต่างครอบครองอาวุธนิวเคลียร์กันทั้งคู่ยุติความเป็นปรปักษ์กันก่อนที่เรื่องจะไปถึงขั้นควบคุมกันไม่อยู่ ในตอนตรู่ของวันที่ 10 พฤษภาคม พวกเขาก็กระทำตามและตกลงหยุดยิง

ทรัมป์แต่งตั้งตัวเองเป็น“ผู้สร้างสันติภาพ”

ก่อนที่รัฐบาลอินเดียหรือรัฐบาลปากีสถานจะมีโอกาสเอ่ยปากพูดอะไรออกมา ทรัมป์ก็ก้าวเข้าไปประกาศเรียกร้องความดีความชอบเสียแล้ว

เขาประกาศบนโซเชียลมีเดียว่า ทั้งสองข้างได้ตกลงทำดีลกันแล้ว [15] วันรุ่งขึ้นเขาอวดอ้างว่าเร็ววันนี้ ทั้งสองฝ่ายยังจะนั่งลงบนโต๊ะเจรจาโดยที่มีเขาเป็นคนกลาง และหาหนทางออกสำหรับความขัดแย้งเรื่องแคชเมียร์ [16] ปรากฏว่าขณะที่ทางอิสลามาบัดแสดงความดีอกดีใจกับผลลัพธ์เช่นนี้ ฝ่ายนิวเดลีกลับมีท่าทีโกรธขึ้ง

แดนภารตะนั้นมีทัศนะความคิดเห็นมายาวนาน [17] แล้วว่า ข้อพิพาทแคชเมียร์ต้องตกลงกันแบบทวิภาคีระหว่างอินเดียกับปากีสถานเท่านั้น ต้องไม่ให้ฝ่ายที่สามใดๆ เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย สหรัฐฯก็ได้ยอมรับจุดยืนนี้มาเป็นเวลานานกว่า 20 ปีแล้ว ทว่าคราวนี้ทรัมป์กลับกำลังใช้ทัศนะมุมมองที่แตกต่างออกไป

นี่ทำให้ โมดี ตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ด้วยความใจจดใจจ่อที่จะรักษาความเป็นหุ้นส่วนซึ่งต่างฝ่ายต่างได้ประโดยชน์เอาไว้ เวลาเดียวกันก็หลีกเลี่ยงจากการถูกเก็บภาษีศุลกากรอัตราที่มุ่งเป็นการลงโทษ เขาจึงไม่มีความปรารถนาที่จะทำให้ทรัมป์หงุดหงิดผิดหวัง

ทว่าเขาก็ไม่สามารถยอมรับการกล่าวอ้างของทรัมป์ได้ เพราะนั่นหมายถึงการละเมิดเพิกเฉยต่อหลักการระดับพื้นฐานประการหนึ่งในนโยบายของอินเดีย ด้วยเหตุนี้ โมดี จึงต้องโทรศัพท์ติดต่อไปยังวอชิงตัน และอธิบายว่าเขาจะไม่ยอมรับให้ทรัมป์เข้ามาแสดงบทบาทเป็นคนกลางไกลเกลี่ย [18] เรื่องแคชเมียร์

อย่างที่คำพังเพยพูดไว้ว่า “ฟางเส้นสุดท้ายทำให้อูฐหลังหัก”

เวลาเดียวกันนี้ ปากีสถานกลับมองเห็นโอกาสที่จะได้รับความนิยมชมชื่นจากวอชิงตัน และตอกลิ่มทำให้สหรัฐฯกับอินเดียหมางเมินกันมากยิ่งขึ้นอีก

อิสลามาบัดแสดงท่าทีรับรองว่า ทรัมป์ มีผลงานต่างๆ อันสมควรที่จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ [18] และจัดแจงเสนอชื่อเขาให้ได้รับการพิจารณาเพื่อชิงรางวัล [19] ซึ่งก็รวมไปถึงบทบาทที่ทรัมป์กล่าวอ้างว่ามีส่วนสำคัญในการยุติความขัดแย้งระหว่างปากีสถานกับอินเดียด้วย

ด้วยกำลังใจที่เปี่ยมล้น ทรัมป์ได้โทรศัพท์ถึง โมดี ในวันที่ 17 มิถุนายน และขอให้เขาทำอย่างเดียวกันกับทางปากีสถานบ้าง แถมที่เลวร้ายกว่านั้นอีกก็คือ ทรัมป์ขอร้องให้โมดีหยุดแวะที่กรุงวอชิงตันระหว่างเดินทางกลับจากการได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมซัมมิตกลุ่ม จี7 ที่แคนาดา เพื่อจะได้พบปะหารือกับ อาซิม มูนีร์ (Asim Munir) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของปากีสถาน

ตามรายงานที่ปรากฏออกมาเมื่อไม่นานมานี้ [20] เรื่องนี้ถือเป็น “ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้อูฐหลังหัก” สำหรับโมดี เขาปฏิเสธคำขอทั้ง 2 เรื่องนี้อย่างไม่ใยดี โดยมีรายงานว่าผู้นำทั้งสองยังไม่ได้มีการพูดจากันอีกเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ด้วยความฉุนเฉียวน้อยใจ ทรัมป์ยังตอบโต้โดยประกาศลงโทษ [21] อินเดียในข้อหาว่ายังคงซื้อหาน้ำมันรัสเซียไม่ยอมเลิกรา ด้วยการปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เก็บจากแดนภารตะไปเป็น 50% [22] รวมทั้งสั่งเลื่อนการเจรจาการค้าที่นัดแนะกันไว้

ทางสองแพร่งของนิวเดลี

การกระทำต่างๆ ของทรัมป์ตามที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ชาวอินเดียธรรมดาสามัญทั้งหลายรู้สึกเป็นเดือดเป็นแค้นและเรียกร้องให้ต้องทำอะไรเพื่อเป็นการตอบโต้ ทว่ารัฐบาลโมดีไม่ได้มีทางเลือกที่ดีๆ ให้นำมาใช้หรอก

การยินยอมตามการบีบคั้นบังคับของทรัมป์ จะทำให้ โมดี ดูปวกเปียกอ่อนแอ –โดยที่พวกฝ่ายค้างทางการค้านก็พยายามประทับตราโจมตีโมดีว่าพวกจอมจำนน โดยตั้งฉายาในภาษาอังกฤษให้เขาว่า “Narender Surrender” [23] (นเรนทรา จอมยอมจำนน) อย่างไรก็ดี มันก็ไม่มีมหาอำนาจสำคัญรายไหนอื่นอีกแล้วที่สามารถเสนอให้สิ่งจำเป็นต่างๆ อย่างพรั่งพร้อมแก่อินเดียแทนที่สหรัฐฯได้ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดรับสินค้าแดนภารตะ, การลงทุน, เทคโนโลยี, อาวุธยุทโธปกรณ์, และความสนับสนุนทางการทูต

ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-อินเดียอยู่ในภาวะเครียดเค้นหนัก นิวเดลีก็ได้แต่กำลังพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้แก่ความสัมพันธ์ที่พวกเขามีอยู่กับจีน ซึ่งก็อยู่ในอาการตึงเครียดเช่นกันนับตั้งแต่เกิดการปะทะกันทางชายแดนอย่างนองเลือด [24] ระหว่างประเทศทั้งสองเมื่อปี 2020

(จากซ้าย) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย, นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย, และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน สนทนากันอย่างชื่นมื่น ระหว่างเข้าร่วมการประชุมซัมมิตองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ที่เมืองเทียนจิน ทางภาคเหนือของจีน เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2025 (ภาพเผยแพร่โดยสำนักนายกรัฐมนตรีอินเดีย)
ในวันที่ 31 สิงหาคมโมดี เดินทางไปเยือนจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี [25] เพื่อผลักดันจุดมุ่งหมายดังกล่าวนี้ให้คืบหน้าต่อไปอีก และได้จับมือนั่งเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

แต่ถึงแม้ สี กล่าวย้ำ [26] ถึงความต้องการที่ประเทศทั้งสองควรต้องมีสายสัมพันธ์ฉันมิตรกัน –อย่างที่เขากล่าวเปรียบเทียบว่า “ช้างสารและมังกรควรที่จะร่ายรำไปด้วยกัน” – ทว่าในเวลานี้ยังคงแทบไม่มีความไว้วางใจกัน [27] ระหว่างอินเดียกับจีนปรากฏออกมราให้เห็น

โมดี กลับมีความเชื่อถือไว้ใจรัสเซียมากกว่า ขณะอยู่ในจีนคราวนี้ มีรายงานว่าโมดี กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้พูดคุย [28] กันเป็นเวลาเกือบ 1 ชั่วโมงในรถยนต์ลีมูซีนประจำตำแหน่งของปูติน และ โมดี ยังมีกำหนดการเป็นเจ้าภาพรับรองผู้นำแดนหมีขาว [29] เพื่อเจรจากันเพิ่มเติมขึ้นอีกในอินเดียในช่วงต่อไปของปีนี้ อย่างไรก็ตาม รัสเซียนั้นยังคงถูกพวกประเทศในยุโรปประณามว่าเป็นคนเลวคบไม่ได้ ดังนั้นจึงมีช่องทางต่างๆ เพียงจำกัดในการช่วยเหลือแดนภารตะ

ประเทศอื่นๆ อย่างเช่นญี่ปุ่น ซึ่ง โมดี ได้หยุดแวะระหว่างการเดินทางมายังจีน [30] เที่ยวนี้ ก็อาจจะสามารถช่วยเหลืออินเดียได้บ้างในการฝ่าฟันผ่าวิกฤตในปัจจุบัน กระนั้นก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้มีอิทธิพลบารมีมากเพียงพอที่จะช่วยเหลือจนสามารถผ่านพ้นลุล่วงได้

ถ้าหาก โมดี ไม่สามารถหาหนทางที่จะเอาชนะใจทรัมป์คืนมาได้แล้ว อินเดียในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้านี้ก็จะอาจจะต้องเผชิญกับความยากลำบากหนักหนาทีเดียว

เอียน ฮอลล์ เป็นศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อยู่ที่มหาวิทยาลัยกริฟฟิธ รัฐควีนสแลนด์ ออสเตรเลีย

ข้อเขียนนี้มาจากเว็บไซต์ เดอะ คอนเวอร์เซชั่น https://theconversation.com/ โดยสามารถติดตามอ่านข้อเขียนดั้งเดิมชิ้นนี้ได้ที่ https://theconversation.com/donald-trump-was-once-indias-best-friend-how-did-it-all-go-wrong-264272

เชิงอรรถ
[1] https://carnegieendowment.org/emissary/2025/08/trump-tariffs-risk-us-india-relations?lang=en
[2] https://www.hindustantimes.com/india-news/pm-narendra-modi-refused-donald-trumps-calls-4-times-in-recent-weeks-amid-us-tariff-tensions-claims-german-newspaper-101756270416789.html
[3] https://www.cnbc.com/2025/09/02/trump-india-us-china-tariffs-trade.html
[4] https://www.nytimes.com/2025/08/30/us/politics/trump-modi-india.html
[5] https://x.com/narendramodi/status/1854075308472926675
[6] https://economictimes.indiatimes.com/news/india/india-not-nervous-about-ties-with-us-after-donald-trumps-return-to-white-house-says-eam-jaishankar/articleshow/115168494.cms?from=mdr
[7] https://timesofindia.indiatimes.com/india/we-were-handcuffed-and-in-shackles-indian-immigrant-deported-by-us/articleshow/117957927.cms
[8] https://www.bbc.com/news/live/c5y25z4e4e1t
[9] https://www.reuters.com/world/us-slaps-26-tariff-india-amid-ongoing-bilateral-trade-talks-2025-04-03/
[10] https://www.euronews.com/2025/04/22/vance-and-modi-hail-positive-us-india-trade-talks-amid-trump-tariff-threat
[11] https://www.bbc.com/news/articles/cwynx7kgyqvo
[12] https://theconversation.com/india-and-pakistan-have-fought-many-wars-in-the-past-are-we-on-the-precipice-of-a-new-one-256080
[13] https://www.stimson.org/2025/four-days-in-may-the-india-pakistan-crisis-of-2025/
[14] https://thewire.in/world/global-reactions-to-india-pakistan-ceasefire/?mid_related_new
[15] https://edition.cnn.com/2025/05/10/india/analysis-us-role-india-pakistan-ceasefire-latam-intl
[16] https://www.aljazeera.com/news/2025/5/11/trump-offers-to-work-with-india-pakistan-on-kashmir
[17] https://www.bbc.com/news/articles/cjwq0y7d14lo
[18] https://www.washingtonpost.com/politics/2025/08/25/trump-nobel-peace-prize/
[19] https://www.bbc.com/news/articles/cwyx5yw8y28o
[20] https://www.nytimes.com/2025/08/30/us/politics/trump-modi-india.html
[21] https://www.nytimes.com/2025/08/02/world/asia/india-russia-oil-trump-threats.html
[22] https://www.abc.net.au/news/2025-08-07/donald-trump-slaps-25-per-cent-additional-tariff-on-indian-goods/105622132
[23] https://www.thehindu.com/news/national/narender-surrendered-to-adani-china-congress-ups-ante-with-fresh-jibe-at-pm/article69660563.ece
[24] https://theconversation.com/china-and-indias-deadly-himalayan-clash-is-a-big-test-for-modi-and-a-big-concern-for-the-world-140930
[25] https://edition.cnn.com/2025/08/31/china/india-china-xi-modi-meeting-intl-hnk
[26] https://i0.wp.com/asiatimes.com/wp-content/uploads/2023/06/AT-logo-wide-banner-1.png?w=706&quality=80&ssl=1
[27] https://www.outlookindia.com/national/india-china-hit-reset-hold-fresh-boundary-talks-but-trust-deficit-continues
[28] https://www.abc.net.au/news/2025-09-01/xi-jinping-narendra-modi-not-rivals-trade-talks-tianjin/105719248
[29] https://timesofindia.indiatimes.com/india/vladimir-putin-to-visit-india-in-december-meeting-with-pm-modi-lined-up-agenda-weighs-against-donald-trump-tariffs/articleshow/123588192.cms
[30] https://www.hindustantimes.com/india-news/bullet-trains-chandrayaan-5-68-billion-key-takeaways-from-pm-modi-s-japan-trip-101756545494177.html
กำลังโหลดความคิดเห็น