ราคาน้ำมันขยับขึ้นมากกว่า 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันพุธ(10ก.ย.) นักลงทุนกังวลความปั่นป่วนทางอุปทาน หลังโปแลนด์สอยร่สงโดรนรัสเซียในน่านฟ้าและอิสราเอลโจมตีในกาตาร์ ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสานและทองคำทรงตัว จากข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนลงผิดคาด สนับสนุนความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 63.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 67.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน มีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์ที่ร้อนระอุขึ้น เมื่อโปแลนด์สอยร่วงโดรนรัสเซียเหนือน่านฟ้า ระหว่างที่มอสโกกำลังปฏิบัติการโจมตีทางตะวันตกของยูเครน ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐสมาชิกหนึ่งๆของนาโตสอยร่วงโดรน ในศึกสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร(9ก.ย.) ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อีกจุดอยู่ก่อนแล้ว หลังอิสราเอลอ้างว่าได้ทำการโจมตีเล่นงานพวกผู้นำกลุ่มฮามาสปาเลสไตน์ ที่อยู่ในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่เสียงก่อความปั่นป่วนทางอุปทานใดๆ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดผสมผสานในวันพุธ(10ก.ย.) โดยเอสแอนด์พี 500 และ แนสแดค ยังคงแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางการดีดตัวขึ้นของออราเคิล และเงินเฟ้อที่อ่อนเกินคาด สนับสนุนความคาดหมายว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
ดาวโจนส์ ลดลง 220.42 จุด (0.48 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 45,490.92 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 19.43 จุด (0.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,532.04 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 6.57 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 21,886.06 จุด
ออราเคิล พุ่งขึ้น 36% ถือเป็นการปิดบวกคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียว มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1992 หลังจากบริษัทเทคโนโลยีแห่งนี้ชี้ให้เห็นว่าบริษัทเอไอทั้งหลายมีอุปสงค์ในธุรกิจเคลาด์ของออราเคิล เพิ่มมากขึ้น
การพุ่งขึ้นดังกล่าวทำให้มูลค่าตลาดของออราเคิล แตะระดับ 922,000 ล้านดอลลาร์ แซงหน้ามูลค่าการตลาดของอีไล ลิลลี, เจพีมอร์แกน เชส และ วอลล์มาร์ท และเข้าใกล้ เทสลา ที่มีมูลค่าตลาด 1.12 ล้านล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกันดัชนีราคาผู้ผลิตที่อ่อนตัวลงเกินคาด ก็มอบแนวโน้มเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากก่อนหน้าข้อมูลตลาดแรงงานที่เผยแพร่เมื่อไม่นานที่ผ่านมา ยืนยันว่าตลาดงานของสหรัฐฯอยู่ในภาวะชะลอตัว
ความคาดหมายว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย ณ ที่ประชุมครั้งถัดไปในสัปดาห์หน้า เป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวอยู่แถวๆระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพุธ(10ก.ย.) โดยราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 3,682.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์)