สื่อกัมพูชาในวันพุธ(10ก.ย.) ออกมาปฏิเสธต่อกรณีที่ทหารไทยจับกุมคนเขมรหลายสิบคนขณะกำลังพยายามลักลอบชายแดนเข้าสู่ประเทศไทย อ้างอย่างมึนๆว่าเป็นการจัดฉากของฝ่ายไทย
เมื่อวันจันทร์(8ก.ย.) กองกำลังบูรพาของไทย ได้จับกุมแรงงานกัมพูชาจำนวน 50 คน ในนั้นเป็นชาย 33 คนและหญิง 18 คน ที่พยายามลักลอบเข้าสู่ประเทศไทย ทั้งหมดอยู่ในสภาพดูอิดโรยและหิวโหย เจ้าหน้าที่จึงนำตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม
แรงงานกัมพูชาเหล่านี้เปิดเผยกับสื่อมวลชนไทยว่า พวกเขาเคยทำงานในประเทศไทยมาก่อน แต่จำต้องเดินทางกลับประเทศกัมพูชา เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากมาตรการควบคุมการเข้าออกที่เข้มงวดของทั้งสองประเทศ แต่เมื่อกลับไปถึงภูมิลำเนาแล้ว กลับไม่มีงานทำและขาดรายได้ ประกอบกับรัฐบาลกัมพูชา ไม่มีมาตรการช่วยเหลือใดๆ จึงตัดสินใจยอมจ่ายเงินค่าเดินทางให้ผู้นำทางหัวละ 5,000-6,000 บาท เพื่อกลับมาตายเอาดาบหน้าในประเทศไทยอีกครั้ง
แต่ทางสำนักข่าวแคมโบเดียเนชันมีเดีย สื่อมวลชนที่มีฐานในกรุงพนมเปญ โพสต์คลิปเหตุการณ์ลงบนบัญชีเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ เขียนบรรยายว่า "ประเทศไทยจัดฉากสร้างข่าว โดยใช้คนของตนเองแสร้งเดินทางข้ามพรมแดนเข้าในประเทศไทย แล้วอ้างว่าเป็นคนเขมร"
หลังเกิดความขัดแย้งติดอาวุธกับไทยเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฏาคม นายฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานวุฒิสภากัมพูชา เรียกร้องให้แรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ที่มาทำงานในประเทศไทย เดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอน โดยยืนยันว่าแม้ กัมพูชา จะเคยขาดโอกาสในการจ้างงานเพียงพอ แต่ปัจจุบันสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว มีงานว่างหลายตำแหน่งในอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และ ก่อสร้าง
"เราไม่สามารถพึ่งพาผู้อื่นได้ตลอด เราไม่สามารถอยู่ในประเทศไทยได้ตลอดไป ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสม ตราบใดที่ปัญหาชายแดนยังไม่ได้รับการแก้ไข การเลือกปฏิบัติ การดูหมิ่นจะคงอยู่ต่อไป เราควรกลับไปบ้านเกิดของเราเสีย ก่อนที่จะถูกไทยขับไล่" ฮุนเซนในตอนนั้น
อย่างไรก็ตามรายงานล่าสุดของคิริโพสต์ สื่อมวลชนกัมพูชาภาคภาษาอังกฤษ ระบุว่าแรงงานกัมพูชาที่เดินทางกลับจากไทย กำลังประสบปัญหาหนี้สินท่วมตัวและขาดแคลนทักษะฝีมือตามความต้องการของงานในบ้านเกิดเมืองนอน ส่งผลให้บางส่วนไม่มีทางเลือก ยกเว้นแต่ลักลอบกลับไทยเพื่อหางานทำ ท่ามกลางสภาวะที่เรียกว่า อยู่บ้านอาจปลอดภัยแต่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด
ตามข้อมูลของทางการกัมพูชา พบว่ามีแรงงานกัมพูชาราว 720,000 คน จากทั้งหมด 910,000 คน ที่เดินทางกลับบ้านจากวิกฤตชายแดน แต่จนถึงตอนนี้มีผู้ได้งานแล้วแค่ 21% ขณะที่อีกเกือบครึ่งล้านคนยังคงตกงาน
(ที่มา:แคมโบเดียเนชันมีเดีย/mgronline)