รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเครือข่ายศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์ที่ปฏิบัติการอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อยกระดับกดดันธุรกิจสแกมเมอร์ที่มีการบังคับใช้แรงงานและฉ้อโกงเงินจากชาวอเมริกันหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรนี้เมื่อวันจันทร์ (8 ก.ย.) โดยมีเป้าหมายเป็นหน่วยงาน 9 แห่งในพม่าซึ่งทางกระทรวงฯ ระบุว่าดำเนินงานภายใต้การคุ้มครองของกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยงซึ่งถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรอยู่แล้ว รวมถึงหน่วยงาน 10 แห่งในกัมพูชา ซึ่งสหรัฐฯ ระบุว่ามีแรงงานถูกบังคับให้หลอกลวงเหยื่อมาลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล
“อุตสาหกรรมการหลอกลวงทางไซเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่เพียงแต่คุกคามความเป็นอยู่ที่ดีและความมั่นคงทางการเงินของชาวอเมริกันเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนหลายพันคนต้องตกเป็นทาสยุคใหม่” จอห์น เฮอร์ลีย์ ปลัดกระทรวงการคลังฝ่ายการก่อการร้ายและข่าวกรองทางการเงิน ระบุในข่าวประชาสัมพันธ์
“กระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดที่มีเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมทางการเงินที่เป็นระบบ และปกป้องชาวอเมริกันจากความเสียหายอันใหญ่หลวงที่อาจเกิดขึ้นจากการหลอกลวงเหล่านี้”
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังเผยด้วยว่า ชาวอเมริกันสูญเสียเงินมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์จากการหลอกลวงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อปีที่แล้ว
ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นมาตรการล่าสุดของรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อจัดการกับการฉ้อโกงทางไซเบอร์ขนาดใหญ่ที่แพร่หลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกระทรวงฯ ระบุว่า ผู้ที่กำลังหางานมักถูกล่อลวงไปยังศูนย์สแกมเมอร์ จากนั้นจึงถูกข่มขู่ด้วยความรุนแรงให้ดำเนินการฉ้อโกงทางออนไลน์
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า “ผู้ปฏิบัติการล่อลวงเหล่านี้ใช้หนี้สิ้น ความรุนแรง และการข่มขู่ว่าจะนำไปค้าประเวณี บีบบังคับให้บุคคลอื่นหลอกลวงคนแปลกหน้าทางออนไลน์ โดยใช้แอปพลิเคชันส่งข้อความ หรือส่งข้อความโดยตรงไปยังโทรศัพท์ของเหยื่อ”
ปฏิบัติการของแก๊งสแกมเมอร์ที่ขยายตัวขึ้นในช่วงโควิด-19 กลายเป็นที่สนใจมากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังมีการปราบปรามอย่างต่อเนื่องในภูมิภาค ส่งผลให้มีผู้ถูกควบคุมตัวหลายพันคน
อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนตำหนิรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่ดำเนินการใดๆ มากไปกว่านี้ โดยเมื่อเดือน มิ.ย. องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) กล่าวหาเจ้าหน้าที่ในกรุงพนมเปญว่า “จงใจเพิกเฉย” ต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับศูนย์หลอกลวงเหล่านี้
แม้ว่าการหลอกลวงแต่ละรูปแบบอาจแตกต่างกันไป แต่ก็มีจุดประสงค์ร่วมกัน คือ มุ่งเป้าไปที่การหลอกลวงให้เหยื่อเสียเงินออม โดยในเบื้องต้นอาจใช้วิธีส่งข้อความหรือ direct message หาเหยื่อ หรือแม้แต่แกล้งโทรผิดเบอร์ ก่อนที่จะเริ่มลงมือปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว โดยผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายจะถูกชักจูงให้แชร์การเข้าถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากระยะไกลและติดตั้งซอฟต์แวร์
ในรูปแบบการล่อลวงที่เรียกกันว่า "การเชือดหมู" (pig butchering) สแกมเมอร์จะพยายามชักชวนให้เหยื่อลงทุนในสกุลเงินเสมือนจริงหรือการลงทุนฉ้อโกงอื่นๆ ซึ่งจะทำให้สามารถหลอกเอาเงินได้มากขึ้น และก่อความเสียหายรุนแรงขึ้นด้วย
ที่มา: Bloomberg