สื่อต่างประเทศรายงานข่าว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของไทยมีคำพิพากษาให้นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปีวันนี้ (9 ก.ย.) พร้อมระบุว่าการที่นาย ทักษิณ ออกไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจแทนการอยู่เรือนจำนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความสูญเสียร้ายแรงสำหรับตระกูลชินวัตรที่แผ่อิทธิพลครอบงำการเมืองไทยมานานกว่า 2 ทศวรรษ
ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ซึ่งไปรอฟังคำพิพากษาที่ศาลยืนยันว่า นาย ทักษิณ ถูกควบคุมตัวทันทีหลังจากที่ศาลมีคำตัดสิน
คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาทั้ง 5 คนลงความเห็นว่า การที่นาย ทักษิณ เข้าไปพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นเวลานานนั้นไม่ใช่แค่เพียงความรับผิดชอบของแพทย์เท่านั้น และมองว่ามหาเศรษฐีรายนี้มีเจตนาที่จะอยู่โรงพยาบาลตำรวจยาวนานเกินความจำเป็น
ทักษิณ วัย 76 ปี ต้องเผชิญกับความเสื่อมศรัทธาของมวลชนที่เคยเป็นฐานเสียงหลังจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็ก ถูกถอดถอนพ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเมื่อ 11 วันก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นผู้นำคนที่ 6 จากสายตระกูลชินวัตรหรือได้รับการสนับสนุนจากตระกูลชินวัตรที่ต้องหมดอำนาจลงจากคำตัดสินของฝ่ายตุลาการหรือถูกรัฐประหาร
หลังจากที่ลี้ภัยการเมืองอยู่ในต่างประเทศนาน 15 ปี ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางกลับประเทศไทยในปี 2023 และใช้เวลาอยู่ในเรือนจำแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลตำรวจด้วยข้ออ้างว่ามีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและมีอาการเจ็บหน้าอก ซึ่งทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยและวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
ทั้งนี้ นายทักษิณ ถูกพิพากษาให้มีความผิดกรณีทุจริตเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 3 คดีด้วยกัน ได้แก่ คดีหวยบนดิน มีโทษจําคุก 2 ปี คดีให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้แก่รัฐบาลพม่า จําคุก 3 ปี และคดีแปลงสัมปทานโทรคมนาคมเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ปฯ จําคุก 5 ปี แต่ศาลให้รวมเวลาจําคุกคดีหวยบนดินกับคดีปล่อยกู้ เข้าด้วยกันจึงเหลือจําคุกแค่ 3 ปี นำไปรวมกับคดีชินคอร์ปฯ จึงกลายเป็นจําคุก 8 ปี
อย่างไรก็ตาม นายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษให้เหลือเพียงจำคุก 1 ปี และสุดท้ายก็ได้รับการพักโทษภายในระยะเวลาแค่ 6 เดือน หลังจากที่ใช้เวลาเกือบทั้งหมดพักรักษาตัวอยู่ในห้องวีไอพีชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ
คำสั่งถอดถอน น.ส.แพทองธาร จากการเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนที่แล้วนำมาซึ่งความโกลาหลก่อนที่รัฐบาลของเธอจะล่มสลายลงในวันศุกร์ที่แล้ว (5) เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของไทย ซึ่งถือเป็นความพ่ายแพ้ที่น่าอับอายที่สุดอีกครั้งสำหรับพรรคการเมืองที่เคยถูกมองว่าไม่มีใครหยุดยั้งได้อย่างเพื่อไทย
ที่มา: รอยเตอร์