รัฐสภาฝรั่งเศสลงมติล้มรัฐบาลในวันจันทร์(8ก.ย.) หลังไม่เห็นด้วยกับแผนควบคุมหนี้สินของประเทศที่พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ โหมกระพือวิกฤตการเมืองหนักหน่วงยิ่งขึ้น ที่กำลังก่อความอ่อนแอแก่ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของยูโรโซนแห่งนี้
สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ฟรองซัวส์ บายรู และรัฐบาลเสียงข้างน้อยของเขา ด้วยคะแนน 364 เสียง ต่อ 194 เสียง
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ซึ่งกำลังเผชิญเสียงเรียกร้องจากพวกฝ่ายค้านให้ยุบสภาและลาออก จะต้องตามหานายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปีที่อยู่ในอำนาจ ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีเผยว่าเขาจะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ภายในไม่กี่วันข้างหน้า
ภาระหน้าที่ที่สำคัญสุดของรัฐบาลชุดใหม่จะเป็นการผลักดันร่างงบประมาณให้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ความท้าทายแบบเดียวกับที่ ฟรองซัวส์ บายรู ต้องเผชิญครั้งที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 9 เดือนก่อน ทั้งนี้การได้รับแรงสนับสนุนในรัฐสภาที่มีหลายขั้วและเต็มไปด้วยความแตกแยก นับเป็นงานสุดหินมากๆ
"คุณมีอำนาจโค่นล้มรัฐบาล แต่คุณไม่มีอำนาจลบความเป็นจริง" บายรูบอกกับสมาชิกรัฐสภาก่อนพ่ายแพ้ในการลงมติไม่ไว้วางใจ "คุณไม่อาจหยุดยั้งความเป็นจริงได้ ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาระหนี้ที่เหลือจะทนอยู่ก่อนแล้ว จะหนักอึ้งมากยิ่งขึ้นและต้องชดใช้ราคาแพงกว่าเดิม"
ทำเนียบนายกรัฐมนตรีเผยว่า บายรู จะยื่นใบลาออกในวันอังคาร(9ก.ย.) ทั้งนี้เขาขอให้ลงมติไม่ไว้วางใจ ในความพยายามขอแรงสนับสนุนจากรัฐสภา ต่อนโยบานปรับลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณที่สูงกว่าเพดาน 3% ของสหภาพยุโรปเกือบเท่าตัว และเริ่มจัดการกับกองหนี้ก้อนโตเทียบเท่ากับ 114% ของจีดีพี
อย่างไรก็ตามบรรดาพรรคฝ่ายค้านไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะสนับสนุนแผนของเขา ในการประหยัดงบประมาณ 44,000 ล้านยูโรในปีหน้า ในขณะที่ศึกเลือกตั้งที่จะหาผู้มาสืบทอดตำแหน่งของมาครง จะมีขึ้นในปี 2027
"นี่คือจุดสิ้นสุดความทุกข์ทรมานที่เกิดจากรัฐบาลภาพมายา" มารีน เลอ เปน ผู้นำขวาจัดกล่าว พร้อมเรียกร้องให้มีการยุบสภาจัดการเลือกตั้งใหม่ ข้อเสนอที่จนถึงตอนนี้ทาง มาครง ยังคงยืนกรานปฏิเสธ "เวลานี้ มาครง กำลังยืนเผชิญหน้ากับประชาชน เขาจำเป็นต้องไป" ฌอง-ลุค เมลองชอง แกนนำพรรค France Unbowed พรรคฝ่ายซ้ายเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
ความไม่แน่นอนที่ลากยาวทั้งทางการเมืองและการเงิน เสี่ยงกัดเซาะอิทธิพลของมาครงในยุโรป ในช่วงเวลาที่สหรัฐฯกำลังพูดจาแข็งกร้าวในด้านการค้าและความมั่นคง รวมถึงสงครามที่กำลังสู้รบกันในยูเครน ปีกทางตะวันออกของยุโรป
เวลานี้ประธานาธิบดีฝรั่งเศส จะต้องตัดสินใจเลือกเสนอชื่อนักการเมืองจากกลุ่มก่อนรัฐบาลสายกลางเสียงข้างน้อยของเขา หรือจากพวกนัการเมืองหัวอนุรักษ์นิยมทั้งหลาย ให้ก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดไป อย่างไรก็ตามนั่นหมายถึงมีความเสี่ยงที่เพิ่มเป็น 2 เท่า ที่จะล้มเหลวในการคลอดแนวร่วมที่มีเสถียรภาพใดๆ
อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีความเป็นไปได้ที่เขาจะเลือกตัวแทนจากพวกฝ่ายซ้าย หรือเสนอชื่อตัวแทนจากฝ่ายสังคมนิยมสายกลาง หรือกระทั่งตัดสินใจเลือกนักวิชาการรายหนึ่ง เข้ามารับหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่
กระนั้น เอริค ลอมบาร์ด รัฐมนตรีคลัง กล่าวก่อนหน้าการลงมติ ยอมรับว่าไม่มีกรณีใดๆที่รัฐบาลชุดใหม่จะครองเสียงข้างมากในรัฐสภา มันจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จำเป็นต้องจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีความเข้มข้นน้อยลงในความพยายามปรับลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณ
ในท้ายที่สุดแล้ว มาครง อาจตัดสินใจเลือกหนทางเดียวในการออกจากวิกฤต นั่นคือยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้เขายังคงยืนกรานปฏิเสธเสียงเรียงร้องจากพรรคเนชันแนล แรลลี ของเลอ เปน และจากพรรค France Unbowed ให้ยุบสภาเป็นครั้งที่ 2
(ที่มา:รอยเตอร์)