สำนักพระราชวังญี่ปุ่นจัดพระราชพิธีฉลองการบรรลุนิติภาวะของเจ้าชายฮิซาฮิโตะแห่งอากิชิโนะ ณ พระราชวังอิมพีเรียล กรุงโตเกียว วันนี้ (6 ก.ย.) ท่ามกลางกระแสสังคมที่จับตามองเกี่ยวกับวิกฤตความขาดแคลนผู้สืบสันตติวงศ์ของบัลลังก์เบญจมาศ
เจ้าชายฮิซาฮิโตะ ในวัย 19 พรรษา ซึ่งทรงเป็นพระราชภาติยะ (หลานลูกน้องชาย) ในสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ ทรงเข้าพิธีสวมมงกุฎซึ่งทำจากผ้าไหมสีดำและแลคเกอร์ในพระราชพิธีดังกล่าว ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นชีวิตวัยผู้ใหญ่
“ขอขอบพระทัยที่ทรงพระราชทานมงกุฎให้แก่ข้าพเจ้า ในพระราชพิธีฉลองการบรรลุนิติภาวะวันนี้” เจ้าชายฮิซาฮิโตะในฉลองพระองค์สีเหลืองตรัส พร้อมกับทรงโค้งคำนับถวายความเคารพแด่สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ
“ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ โดยตระหนักถึงความรับผิดชอบในฐานะสมาชิกวัยผู้ใหญ่ของราชวงศ์อิมพีเรียล” เจ้าชายฮิซาฮิโตะตรัสต่อพระบิดาและพระมารดา ในพระราชพิธีซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโตเกียว โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์จำนวนมากเข้าร่วม
หลังจากนั้น เจ้าชายฮิซาฮิโตะซึ่งทรงเปลี่ยนไปสวมใส่ฉลองพระองค์สีเข้มได้ประทับรถม้าพระที่นั่งเพื่อเสด็จฯ ไปประกอบพระราชพิธีในส่วนอื่นๆ
แม้จักรพรรดินารูฮิโตะจะทรงมีพระราชธิดาคือ เจ้าหญิงไอโกะ วัย 23 พรรษา ทว่ากฎมณเฑียรบาลญี่ปุ่นในปัจจุบันยังคงสงวนให้เฉพาะสมาชิกราชวงศ์ที่เป็นชายเท่านั้นที่มีสิทธิสืบสันตติวงศ์เป็นพระจักรพรรดิ
ผลสำรวจความคิดเห็นของชาวญี่ปุ่นในระยะหลังๆ มาพบว่า คนส่วนใหญ่สนับสนุนให้เจ้านายสตรีสามารถขึ้นครองราชย์ได้
ญี่ปุ่นได้มีการอภิปรายถกเถียงเกี่ยวกับกฎการสืบสันตติวงศ์มานานหลายสิบปี โดยคณะทำงานของรัฐบาลเมื่อปี 2005 เคยมีข้อเสนอแนะให้ส่งผ่านราชบัลลังก์ไปยังทายาทพระองค์ใหญ่ของพระจักรพรรดิ ไม่ว่าจะทรงเป็นเพศใดก็ตาม
คำแนะนำดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นการเปิดทางให้กับเจ้าหญิงน้อยไอโกะในการก้าวสู่ตำแหน่งจักรพรรดินีผู้ครองบัลลังก์เบญจมาศ ทว่าการประสูติของเจ้าชายฮิซาฮิโตะปีถัดมาก็ทำให้ข้อถกเถียงนี้เงียบลงไป
เคนเนธ รูออฟ ผู้อำนวยการศูนย์ญี่ปุ่นศึกษาแห่งมหาวิทยาลัย Portland State University มองว่า นักการเมืองญี่ปุ่นเองก็ดูไม่กระตือรือร้นที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ และเลือกที่จะชะลอการแก้กฎมณเฑียรบาลออกไปก่อน เนื่องจากมีเจ้าชายฮิซาฮิโตะที่พร้อมต่อการเป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้ว
ฝ่ายอนุรักษนิยมในญี่ปุ่นย้ำเตือนว่า การที่สถาบันจักรพรรดิมีรัชทายาทชายสืบสันตติวงศ์อย่างไม่ขาดช่วงขาดตอนถือเป็นรากฐานสำคัญของประเทศญี่ปุ่น และหากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงก็จะทำให้เกิดความแตกแยกภายในชาติ
ที่มา: เอเอฟพี