เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.9 แมกนิจูดบริเวณ 2 แคว้นทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน โดยทางการได้ส่งเฮลิคอปเตอร์เข้าไปเคลื่อนย้ายคนเจ็บและช่วยเหลือผู้รอดชีวิต เบื้องต้นประเมินว่าอาจมีผู้เสียชีวิตถึงหลายร้อยคน
ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นนี้ยิ่งซ้ำเติมปัญหาให้กับอัฟกานิสถานซึ่งมีทรัพยากรค่อนข้างจำกัด และเผชิญวิกฤตด้านมนุษยธรรมอยู่ก่อนแล้วจากการที่ความช่วยเหลือนานาชาติลดน้อยลง รวมถึงการที่พลเมืองอัฟกันถูกผลักดันกลับจากประเทศเพื่อนบ้าน
หน่วยงานสาธารณสุขในกรุงคาบูลยังไม่ได้แถลงยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิต ขณะที่หน่วยกู้ภัยยังคงเร่งค้นหาผู้ที่ติดอยู่ในซากอาคารบ้านเรือนในเขตชนบทห่างไกล ซึ่งมีประวัติเกิดแผ่นดินไหวและน้ำท่วมมาแล้วหลายครั้ง
“ตัวเลขจากคลินิก 2-3 แห่งพบว่ามีผู้บาดเจ็บกว่า 400 คน และเสียชีวิตหลายสิบคน” ชาราฟัต ซามาน โฆษกกระทรวงสาธารณสุขอัฟกานิสถานระบุในถ้อยแถลง พร้อมยอมรับว่าตัวเลขมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอีก
ภาพจาก Reuters Television เผยให้เห็นเฮลิคอปเตอร์หลายลำทยอยนำคนเจ็บออกจากพื้นที่ประสบภัย ขณะที่ชาวบ้านช่วยทหารและแพทย์หามคนเจ็บขึ้นรถพยาบาล
ที่จังหวัดคูนาร์ (Kunar) ทางตะวันออกมีหมู่บ้าน 3 แห่งที่เสียหายอย่างหนัก ส่วนหมู่บ้านอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน ตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข
นาจีบุลเลาะห์ ฮานิฟ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศของจังหวัดคูนาร์ อ้างรายงานซึ่งระบุว่ามีผู้เสียชีวิตมากถึง 250 คน และบาดเจ็บอีกราวๆ 500 คน ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงได้อีก ขณะที่ทางการอัฟกานิสถานแถลงข้อมูลออกมาในช่วงแรกๆ ว่า ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีผู้เสียชีวิต 30 คน และมีคนบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลอีกเป็นร้อย
เจ้าหน้าที่กู้ภัยอัฟกันยังคงเร่งค้นหาและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตในจังหวัดไคเบอร์ปักตุนควาซึ่งอยู่ติดกับปากีสถาน โดยบ้านเรือนที่ส่วนใหญ่สร้างจากหินและดินโคลนถูกทำลายด้วยอานุภาพของแผ่นดินไหวเมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา ซึ่งเกิดที่ความลึกเพียง 10 กิโลเมตร
“จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรัฐบาลต่างชาติที่ยื่นมือมอบความช่วยเหลือในด้านการกู้ภัยและบรรเทาทุกข์” โฆษกสำนักงานการต่างประเทศของอัฟกานิสถาน ระบุ
อัฟกานิสถานเกิดแผ่นดินไหวระดับรุนแรงอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณเทือกเขาฮินดูกูชซึ่งเป็นจุดที่แผ่นเปลือกโลกอินเดียและยูเรเชียมาบรรจบกัน
แผ่นดินไหวหลายระลอกที่เกิดขึ้นแถวภาคตะวันตกของอัฟกานิสถานในปีที่แล้วคร่าชีวิตพลเรือนไปมากกว่า 1,000 คน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสุ่มเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติในประเทศที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ที่มา: รอยเตอร์